ทำไมในพระคัมภีร์สอนให้เรารับพลังงานแต่เช้าตรู่ทุกวัน มิใช่แค่การอบรมบ่มนิสัย แต่เป็นหลักด้านชีวิตจิตที่พัฒนาชีวิตของคุณด้วย

สุภาษิต 31:51

 สอนเรื่องภรรยาที่มีคุณธรรมว่า “เธอลุกขึ้นตั้งแต่ยังมืดอยู่  จัดเตรียมอาหารให้ครอบครัว และสั่งงานต่าง ๆ แก่หญิงรับใช้”  นี่มิใช่แต่การทำงานบ้าน แต่เป็นหลักฐานของวัน ทั้งด้านจิตวิญญาณ และร่างกาย

สดุดี 5:3 

 “ในเวลาเช้า พระองค์ทรงฟังเสียงของข้าพเจ้า  ข้าพเจ้าทูลเสนอคดีของข้าพเจ้าต่อพระองค์ ตั้งแต่เช้าตรู่”  การตื่นเช้า เราฟังเสียงพระเจ้า ก่อนเสียงอึกทึกของสังคมจะ ดังขึ้น แม้พระเยซูเจ้าก็ทรงปฏิบัติเช่นนี้

มาระโก 1:35

 “พระองค์ทรงลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ เสด็จออกจากบ้านไปยังที่สงัด  และทรงอธิษฐานภาวนาที่นั่น” หากพระเยซูเจ้าทรงเริ่มวันด้วยกิจการสำคัญเช่นนี้ เราก็ควรปฏิบัติด้วย

สุภาษิต 6:9-11

คนเกียจคร้านและตัวอย่างมด “คนเกียจคร้านเอ๋ย  จงไปดูมดเถิด  จงพิจารณาดูวิถีของชีวิตของมด  แล้วท่านจะมีปรีชา มดไม่มีหัวหน้า ไม่มีผู้คุมหรือผู้ปกครอง แต่ในฤดูร้อนมันก็เตรียมอาหารไว้ ในฤดูเก็บเกี่ยวมันก็สะสมเสบียง คนเกียจคร้าน เอ๋ย  ท่านจะนอนอีกนานเท่าใด เมื่อใดท่านจะตื่นขึ้นจากหลับ หลับบ้าง เคลิ้มบ้าง กอดอกบ้างเพื่อพักผ่อน แล้วความยากจนจะมาถึงท่านอย่างคนจรจัด  ความขัดสน จะมาถึงท่านอย่างคนขอทาน”

สดุดี 5:3

เน้นเรื่องการตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ การอธิษฐานภาวนาเป็นโอกาสแสวงหาพระเจ้า ก่อนสิ่งใด

                                                                                                               (แปลจาก #WAKEUPEarlyeveryday)

ปัจจุบันนี้ บางคนอาจนอนดึก และตื่นสาย ไม่ตามนาฬิกาชีวิต ยิ่งเด็กและเยาวชนที่ติดโทรศัพท์ มือถือ ในช่วงสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ ผมจึงขอเชิญท่าน รู้จักเวลานาฬิกาชีวิต และเหตุผลที่เราควรตื่นเช้า... ทุกวัน
                                                                                                                                               ฟ. วีระ อาภรณ์รัตน์