โดย  John  Zaw, Mang Win
เมียนมาร์, 13  กันยายน ค.ศ. 2012

เมื่อการต่อสู้ล่าสุดระหว่างกบฏคะฉิ่นและทหารรัฐบาลยุติลงหลังจาก 17 ปี  ประชาชนเป็นพันถูกบังคับให้หนีข้ามชายแดนเมียนมาร์เข้าไปในจีน

ในเดือนสิงหาคม เจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนเริ่มขับไล่พวกเขากลับออกไปในเมียนมาร์  ใกล้โซนอันตรายและไม่มีบ้านที่อาศัย

โทมัส  ลามา  ลา  อายุ  72 ปี ครูเกษียณกล่าวว่า  “ผมรู้สึกผิดหวังถึงวิธีการที่ตำรวจชาวจีนได้ปฏิบัติกับเรา”

“หลายคนมาที่ค่ายผู้ลี้ภัยและได้ทำลายหลังคาชั่วคราวทั้งหมด  แม้แต่พวกเราไม่มีเวลาเก็บสิ่งของใดๆ  เราไม่มีทางเลือกแต่ก็ต้องออกมา  ผมต้องไปโรงพยาบาลที่นี่ เพราะเหตุการณ์ที่ประสบมาทำให้ผมหมดแรง”

คุณครูลามา ลา และภรรยา พร้อมกับชาวคะฉิ่น  4,000 คน  ไม่มีที่อยู่อาศัย ปัจจุบันนี้อาศัยในค่ายที่พระศาสนจักรคาทอลิกช่วยเหลือ แต่พวกเขาต้องพรากจากลูกๆ 4 คน ที่อยู่ในค่ายรัฐฉาน  และพวกเขาอยู่โดยไม่มีอุปกรณ์ในสถานที่ปลอดภัย

“ถ้าการต่อสู้รุนแรงขึ้น  ที่นี่ที่เราอยู่ปัจจุบันก็อาจเป็นโซนขัดแย้งได้” ผู้คนต่างประณามการที่รัฐบาลจีนขับไล่ผู้อพยพกลับ  นายบิล  เฟรลิก  ผู้อำนวยการโครงการผู้ลี้ภัยสำหรับเฝ้าดูสิทธิมนุษยชน  กล่าวว่า  “ประเทศจีนไม่สนใจกฎหมายระหว่างประเทศ  ด้วยการบีบบังคับผู้ลี้ภัยชาวคะฉิ่น  ให้กลับไปในโซนที่กำลังมีปัญหาขัดแย้งรุนแรงโดยกองทัพพม่า  แต่ประเทศจีนผลักชาวคะฉิ่นกลับ เพราะมีเจตนา ทำงานภายในเส้นตายวันที่  4 กันยายน  เพื่อไล่ผู้อพยพชาวคะฉิ่นทั้งหมดในค่ายด้านเขตแดนจีน เพราะจีนไม่อยากรับผิดชอบดูแล (จึงต้องการปิดค่าย)”

“เจ้าหน้าที่จีนมณฑลยูนานบอกเราว่า  พวกเขาสนใจเรื่องผู้อพยพแพร่เชื้อโรค พวกเขาบอกว่าประชาชนไม่มีที่อยู่  สามารถอยู่ในค่ายจีนอย่างมาก 1 ปี แล้วอยู่ต่อไม่ได้” เจ้าหน้าที่  ไซ  ลี่ ที่  Ma  Jai Yang ซึ่งหน่วยงานคะฉิ่นอิสระควบคุมอยู่บอกสำนักข่าวยูแคนว่า  การต่อรองกับจีนเป็นไปไม่ได้ (นายไซ  ลี่ เป็นรองประธารคณะกรรมการช่วยเหลือผู้อพยพ  KIO)

เขากล่าวว่า  “เราไม่มีทางชนะ พวกเขาไม่สนใจคำขอร้องของเราที่ขอเลื่อนไปถึงเดือนธันวาคม  เนื่องจากการเดินทางยากลำบากในฤดูฝน”

ถึงแม้ว่าพวกเราหลายคนร้องไห้เมื่อถูกส่งกลับไปชายแดน  ชีวิตของผู้อพยพในประเทศจีนลำบาก ไม่สามารถไปไหนนอกค่ายได้อย่างอิสระ และไม่อนุญาตให้ตัดต้นไม้ทำฟืน

“เรากำลังอยู่ในรางหญ้า ได้กลิ่นขี้วัวประจำ” แต่แม้จะได้กลิ่นเหม็น  บางคนกล่าวว่าพวกเขาดีใจจะกลับบ้าน “เดี๋ยวนี้ผมจะถูกฝังในประเทศบ้านเกิดเมืองนอนเวลาตาย แม้ตายแล้วผมจะไม่ปิดตา จนกว่าจะมีสันติสุขในแดนคะฉิ่น” ผู้อพยพคนหนึ่งกล่าว

พระสังฆราช วีระ อาภรณ์รัตน์  แปล
ข่าว UCANEWS  14  กันยายน 2012

ชาวคะฉิ่นที่นับถือคาทอลิกอาศัยอยู่ที่วัดนักบุญอันนา  บ้านหนองเขียว อ. เชียงดาว  จ.เชียงใหม่ มีจำนวนประมาณ  116 คน

ดูเพิ่มเติมที่
http://www.ucanews.com/2012/09/13/kachins-forced-back-into-the-danger-zone/
http://www.openbase.in.th/node/3422

 

Home

คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรม แผนกคริสตศาสนธรรม
อาคารเลขที่ 122/11 ซ.นนทรี 14 (ซ.นาคสุวรรณ) ถ.นนทรี ยานนาวา  กรุงเทพฯ 10120