ภาพยนตร์เรื่อง บุรุษสำหรับทุกฤดูกาล (A Man  for All  Seasons)  มีฐานมาจากชีวิตจริงของนักบุญโทมัส  โมร์  (ค.ศ. 1477-1535)

โทมัส  โมร์  เป็นหนุ่มในประเทศอังกฤษเมื่อโคลัมบัสค้นพบทวีปอเมริกา  (ค.ศ. 1492)  โทมัสได้ศึกษาในมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด หลังจากสำเร็จการศึกษา  ได้เข้าสู่ชีวิตสาธารณะ  เขาประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในฐานะข้าราชการ ค.ศ. 1529  กษัตริย์เฮนรี่ที่ 8  ได้ให้เกียรติแต่งตั้งท่า นเป็นอัครมหาเสนาบดี  (นายกรัฐมรตรี)  ของอังกฤษ และแล้วเรื่องเศร้าก็โจมตีชีวิตของโทมัส โมร์ กล่าวคือ กษัตริย์เฮนรี่ได้หย่ากับพระราชินี  และทรงแต่งงานใหม่อย่างไม่ถูกต้อง เพื่อต่อสู้กับฝ่ายต่อต้านการแต่งงา นของพระองค์  กษัตริย์เฮนรี่ได้อนุมัติให้ออกเอกสารการสาบานว่า การแต่งงานใหม่นี้ถูกต้องตามกฎหมาย  ผู้ใด้ต่อต้านต้องถูกจับฐานกบฏ

เมื่อลอร์ด นอร์โฟลค์  นำเอกสารนี้ไปให้โทมัส โมร์ โทมัสปฏิเสธไม่ยอ มเซ็นชื่อทั้งๆ ที่ได้ถูกชักจูงให้เปลี่ยนใจก็ไร้ผล  ที่สุดลอร์ด นอร์โฟลค์  หมดความเพียรทนจึงได้กล่าวกับเพื่อนว่า

“ผมไม่รู้ว่าการแต่งงานนี้ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ แต่คุณดูรายชื่อเหล่านี้  คุณรู้จักพวกเขา คุณไม่ทำสิ่งที่ผมได้ทำ และผมมาที่นี่ฐานะเพื่ อนหรือ”

โทมัส  โมร์  ยืนกรานปฏิเสธ โทมัสไม่สาบานเพราะใจรู้แล้วว่าไม่ถูกต้อง โทมัสจึงถูกจับ และถูกตัดสินประหารชีวิต  ในวันที่  6 กรกฎาคม  ค.ศ. 1635

(โทมัส โมร์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นบุญราศี โดยสมเด็จพระสันตะปาปาเลโอ  ที่ 9 ในวันที่ 29 ธันวาคม  ค.ศ. 1886 ได้รับการแต่งตั้งเป็นนั กบุญ โดยสมเด็จพระสันตะปาปาปีโอ  ที่ 11  ในวันที่  19  พฤษภาคม ค.ศ. 1935  และบุญราศีสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล  ที่ 2 ได้ประกาศให้เป็นองค์อุปถัมภ์ของนักการเมือง  ในปี  ค.ศ. 2000)

เรื่องของโทมัส โมร์ ทำให้เราเข้าใจสิ่งที่พระเยซูสอนในพระวรสารวันนี้
“ถ้ามือข้างหนึ่งของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำบาปจงตัดมันทิ้งเสีย...
ถ้าเท้าข้างหนึ่งของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำบาปจงตัดมันทิ้งเสีย...
ถ้าตาข้างหนึ่งของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำบาปจงควักมันออกเสีย...

ท่านจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า โดยมีตาข้างเดียว ยังดีกว่ามีตาทั้งสองข้างแต่ต้องถูกโยนลงนรก”  (มธ 9: 43-47)

พระเยซูเจ้ามิได้บอกเราให้ตัดขา หรือควักนัยน์ตา  ตามความหมายตามตัวอักษร  พระองค์ทรงใช้สำนวนภาษาที่ประชาชนคุ้นเคยในสมัยของ พระองค์  เพื่อชี้ให้เห็นประเด็นสำคัญ

ประเด็นคือ บรรดาศิษย์ผู้ติดตามพระองค์ควรเต็มใจเสียสละสิ่งที่จำเป็น  โดยไม่ทำบาป ต้องเต็มใจเสียสละแม้สิ่งที่มีค่ามากที่สุด  เพื่อจะเข้า สู่พระอาณาจักรของพระเจ้า ในกรณีของโทมัส โมร์ การเสียสละนี้คือ ชีวิตของท่านเอง

เราอย่าคิดว่าเพราะโทมัส  โมร์  เป็นนักบุญจึงเสียสละชีวิตได้ง่ายๆ ลองฟังจดหมายที่โทมัสเขียนถึงลูกสาวไม่นานภายหลังถูกจับ  ท่านคิดทบ ทวนการต่อสู้ที่น่ากลัว ที่กำลังอยู่ในใจ

“เม็กลูกรัก  พ่อไว้ใจพระเจ้า แม้พ่อรู้สึกอ่อนแอและกลัว  พ่อคิดถึงนักบุญเปโตรขณะโดนพายุและเริ่มจมทะเล  เพราะขาดความเชื่อ พ่อจะท ำเหมือนที่ท่านได้ทำ  คือ เรียกหาพระคริสตเจ้า  ภาวนาให้พระองค์ทรงช่วย  พ่อไว้ใจว่าพระองค์จะยื่นพระหัตถ์ศักดิ์สิทธิ์ให้พ่อ  ช่วยพ่อไม่ให้จมน้ำในทะเลพายุ

ดังนั้นลูกรัก  ไม่ต้องกังวลใจอะไรที่จะเกิดกับพ่อในโลกนี้ ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นได้หากพระเจ้าไม่ทรงประสงค์  พ่อมั่นใจมากว่า สิ่งใดจะเกิดขึ้น แ ม้ดูเหมือนแย่  ที่จริงเป็นสิ่งดีที่สุด”

พระวรสารวันนี้เชื้อเชิญเราให้ถามตนเองว่า
เราตื่นตัว หลีกเลี่ยงบาป  เพื่อพระอาณาจักรของพระเจ้าเพียงใด
เราตื่นตัว เฝ้าต่อสู้สิ่งที่อาจเป็นเหตุให้เราสูญเสียพระอาณาจักรของพระเจ้าเพียงใด
เราควรพร้อมที่จะเลียนแบบ นักบุญโทมัส โมร์  ผู้สละชีวิตของตน  เพราะเห็นแก่พระอาณาจักรของพระเจ้า

พระสังฆราช วีระ อาภรณ์รัตน์  แปล
จาก  Sunday  Homilies  ปี B, โดย  Mark  Link  SJ. หน้า 775-778

Home

คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรม แผนกคริสตศาสนธรรม
อาคารเลขที่ 122/11 ซ.นนทรี 14 (ซ.นาคสุวรรณ)  ถ.นนทรี  ยานนาวา  กรุงเทพฯ 10120