คณะกรรมการคริสตศาสนธรรมแผนกคริสตศาสนธรรมนำโดยพระอัครสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์ วีระ อาภรณ์รัตน์ นำคุณครูคำสอนไทย พระสงฆ์และนักบวช รวม 42 คน ร่วมฉลองยูบีลีสำหรับครูคำสอนโอกาสปีศักดิ์สิทธิ์ 2025 ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี ระหว่างวันที่ 22-30 กันยายน 2025

วันอังคารที่ 23 กันยายน 2025
เริ่มด้วยมิสซาที่วัดน้อยของคณะเยสุอิต ในเวลา 9.45 น.
10.45 ถึง 12.45  แบ่งปันประสบการณ์งานด้านการสอนคำสอนของสังฆมณฑลปาดัว (Diocese di Padova) ประเทศอิตาลี  จากประเทศไทยเรา 44 คน ผู้นำคำสอนของปาดัว ประมาณ 45 คน  ณ ศูนย์มหาวิทยาลัยนักบุญอันตน หมู่คณะเยสุอิต

พระอัครสังฆราชวีระ อาภรณ์รัตน์  ซิสเตอร์สังวาล  เนืองทอง  คุณครูสาวินี เกษตรบริบรูณ์  ได้แบ่งปันการสอนคำสอนในประเทศไทย
และขอขอบคุณคุณพ่อราฟาแอล ซันโดนา คุณพ่อเคลาดิโอ กอร์ตี    ช่วยประสานงานและช่วยเป็นล่ามแปล

หัวข้อในการแบ่งปัน
- การแบ่งปันความหวังด้านการสอนคำสอนของคริสตชนชาวไทยและชาวอิตาลี (Diocese di Padova/Vescovo di Vicenza Mons. Giuliano Brigitte/Vescovo di Bangkok Mons Francis Xavier Vira Arpondratana)
- เยาวชนชาวอิตาลี ความหวังและแหล่งที่มา (Francesca Gambato/Silvia Fattore/Giovanna Bortoletto/Sara Noventa)
- ในครอบครัวเยาวชนชาวไทยในทุกวันนี้ ความหวังและแหล่งที่มา การเป็นส่วนหนึ่งของบุคคลในการต้อนรับ
- ทิศทางของพระศาสนจักรในยุโรปปัจจุบัน (Don Andrea Toniolo)
- ทิศทางของพระศาสนจักรในประเทศไทย ในส่วนของการเป็นบุคคลแห่งการต้อนรับ
- การแบ่งปันประสบการณ์ การเป็นครูคำสอนในปัจจุบัน (Don Attilio De Battista)
- ช่วงเวลาแห่งการถามตอบ
- รับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน

Padova 23 settembre 2025
Centro Antonianum (Comunit? dei Gesuiti di Padova)
Via Prato della Valle, 56, 35123 Padova PD
DETTAGLI del PROGRAMMA MATTINO 10.30-12.30
SPERANZE CONDIVISE: Cristiani thailandesi e italiani in cammino Saluti-benvenuto
- Diocesi di Padova: don Raffaele Coccato
- CET: Vescovo di Vicenza: Mons. Giuliano Brugnotto
Vescovo di Bangkok: Mons. Francis Xavier ViraArpondratana
a) Due racconti (15' ciascuno)
  1) Essere giovani cattolici oggi in Italia, sfide e risorse: Francesca Gambato(*) - Silvia Fattore - Giovanna Bortoletto
   - Sara Noventa
  2) Essere giovani cattolici oggi in Thailandia, sfide e risorse: da parte di una persona degli ospiti
b) Due riflessioni (15' ciascuno)
  1) Dove va la Chiesa in Europa? Don Andrea Toniolo
  2) Dove va la Chiesa in Thailandia? da parte di una persona degli ospiti
c) una testimonianza: after Thailandia (10')
  - Don Attilio De Battisti
Tempo per domande dei presenti e dialogo
13.00: pranzo insieme alla Casa del Pellegrino (10 min. a piedi).
N.B. TRADUTTORE ITALIANO RAFFAELE SANDONA' THAILANDESE don


วันพุธที่ 24 กันยายน ซามาโรโน โลเรตโต อัสซีซี  วันนี้การเดินทางใช้เวลานานเป็นพิเศษ แวะไปที่ซานมารีโน  และมีมิสซาเวลา 16.00 น. ที่อาสนวิหารแห่งโลเรตโต เป็นอาสนวิหารแห่งแรกที่สร้างอุทิศแด่พระแม่มารีย์ เป็นสถานที่ซึ่งได้พบบ้านเดิมของพระนาง โดยถูกย้ายจากแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์มายังอิตาลีอย่างอัศจรรย์ และเดินทางต่อไปยังอัสซีซี

วันพฤหัสที่ 25 กันยายน 2025  เช้าวันนี้เราไปแสวงบุญที่วัดแม่พระแห่งปวงเทวา  น.คลารา น. คาร์โล อะคูติส น.ฟรังซิส  และตอนบ่ายไปมิสซาที่อาสนวิหารออร์เวียโต เวลา 16.00 น. ที่เมืองออร์เวียโต
ในศตวรรษที่ 13 พระสงฆ์องค์หนึ่งในเมืองออร์เวียโต (Orvieto) ประเทศอิตาลี ก็เกิดความสงสัยในเรื่องการปรากฏอยู่ของพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท ในขณะที่ท่านกำลังทำพิธีมิสซาอยู่ ขณะที่สงสัยนั้นเอง เสื้อคลุมที่ท่านสวมอยู่ก็เปื้อนซึมจากโลหิตที่หลั่งออกมาจากศีลมหาสนิทที่ท่านถืออยู่ในมือ ด้วยความตกใจท่านวางแผ่นศีลบนพระแท่น โลหิตได้ไหลจากพระแท่นลงมาบนพื้นเวลานั้น พระสันตะปาปาเออร์บัน ที่ 4 (Pope Urban IV) ทรงประทับอยู่ใกล้เมืองออร์เวียโต (Orvieto) ทรงได้ทรงได้ทราบข่าวนี้จึงเสด็จไปที่โบสถ์เพื่อทอดพระเนตรสิ่งมหัศจรรย์ พระองค์ทรงขอให้นักบุญโทมัส อไควนัส (SaintThomas Aquinas) เป็นผู้นิพนธ์บทสวดและบทเพลงสำหรับการเฉลิมฉลองพระวรกายของพระคริสตเจ้า (CorpusChristi)

วันศุกร์ที่ 26 กันยายน 2025 เราตื่นเช้าไปถึงมหาวิหารนักบุญเปโตร กรุงวาติกัน 7.30 น เพื่อถวายมิสซา ในมหาวิหาร ผ่านประตูศักดิ์สิทธิ์พระมหาวิหารนักบุญเปโตร และพิธีบูชาขอบพระคุณ ณ พระแท่นนักบุญคริสโซสโตมเวลา 8.15 น  โดยคุณพ่อเปรมปรี และคุณพ่อเจ้าอาวาสที่ดูแลมหาวิหารมาต้อนรับอำนวยความสะดวก  อ.พุฒิพงศ์ บรรยายประวัติและความหมายดีมากๆ และในเวลาตอนเย็นมีตัวแทนได้เข้าร่วมภาวนาตื่นเฝ้ากับบรรดาครูคำสอน

(
program Jubilee of Catechists)
 

 

วันเสาร์ที่ 27 กันยายน 2025 เวลา 10.00 น สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 14 ทรงเป็นประธานในการเข้าเฝ้าพิเศษ (Jubilee Audience) ที่จัตุรัสนักบุญเปโตร เนื่องในงาน Jubilee of Catechists เรามีตัวแทนครูคำสอนไทย 8 คนไปที่หน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร เข้าเฝ้าโป๊ป พร้อมกันนี้ 150 ประเทศ จำนวนประมาณ 20,000 คน คนอื่นไปแสวงบุญมหาวิหารนักบุญเปาโล(นอกกำแพง) วัดบันไดศักดิ์สิทธิ์   ตอนบ่ายโมงเราถวายมิสซา ที่วัดพระมหาไถ่ แล้วจึงรับประทานอาหารเที่ยง  บ่าย 16.00 น. มีตัวแทน 5 คนไปแยกกลุ่ม (ภาษา)พบพระสังฆราช เรียนคำสอน  คนอื่นไปมหาวิหารแม่พระแห่งหิมะ มหาวิหารไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์แห่งกรุงเยรูซาเล็ม

Jubilee Audience พระองค์ทรงเน้นแนวคิด “sensus fidei” หรือ “สัมผัสแห่งความเชื่อของประชากรธรรมดา” ซึ่งเป็นเสมือน สัญชาตญาณฝ่ายจิต ที่ทำให้พระศาสนจักรก้าวเดินไปข้างหน้า โดยชี้ว่า พระเจ้าทรงเปิดเผยแก่ผู้มีใจเรียบง่าย และความเชื่อของประชากรธรรมดาก็เป็นรากฐานที่สำคัญยิ่ง  พระสันตะปาปายกตัวอย่าง นักบุญอัมโบรสแห่งมิลาน ที่ครั้งหนึ่งยังไม่ได้รับศีลล้างบาป แต่ประชาชนต่างพร้อมใจกันร้องเรียกให้เป็นบิชอป ด้วยความเชื่อมั่นจากการ “สัมผัส” เห็นคุณธรรมในตัวเขา สุดท้ายอัมโบรสได้ยอมรับกระแสเรียก กลายเป็นหนึ่งในพระบิดาและนักปราชญ์คนสำคัญของพระศาสนจักร และยังเป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญในการนำ นักบุญออกัสติน มาสู่ความเชื่อ  พระสันตะปาปาลีโอจึงสรุปว่า ความเชื่อของผู้เรียบง่าย (“the little ones”) คือของขวัญล้ำค่า และเป็นสิ่งที่ทุกคน—ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ครู นักบวช หรือคนทำงานทั่วไป-ต้องดำเนินชีวิตตามกระแสเรียกของตนอย่างแท้จริง เพื่อให้ผู้อื่นสัมผัสได้ว่าเรากำลังเป็นคริสตชนจริงหรือไม่
ข้อสรุปสำคัญ: พระสันตะปาปาเชิญชวนให้คริสตชนทุกคนถ่อมตนและดำรงชีวิตตามความเชื่ออย่างซื่อ ๆ เพราะ “สัมผัสแห่งความเชื่อ” ของประชาชนธรรมดาคือพลังที่ช่วยให้พระศาสนจักรก้าวเดินบนหนทางใหม่ๆ และเข้าใกล้พระอาณาจักรของพระเจ้ามากขึ้น
(คัดมาจากเพจ คพ.นุพันธ์)

วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2025
ร่วมมิสซาเฉลิมฉลองครูคำสอนไทย เวลา 10.00 น  และวันนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14  ทรงแต่งตั้งครูคำสอน 39 คนจาก 15 ประเทศ
 
#บทเทศน์ของพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 โอกาสปีศักดิ์สิทธิ์เพื่อครูคำสอน (Jubilee for Catechists) วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2025 ณ จัตุรัสนักบุญเปโตร นครรัฐวาติกัน

#พี่น้องที่เคารพรัก (Dear brothers and sisters,)
พระวาจาของพระเยซูเจ้าถ่ายทอดให้เราเห็นว่า พระเจ้าทรงมองโลกอย่างไร? ในทุกขณะและทุกสถานที่ เราได้ยินในพระวรสาร (ลูกา 16:19-31) ว่าพระเนตรของพระองค์ทอดพระเนตรเห็นผู้ยากจนและผู้ร่ำรวย เห็นคนหนึ่งกำลังจะตายด้วยความหิวโหย และอีกคนหนึ่งกำลังกินอิ่มหนำสำราญอยู่ตรงหน้า เห็นคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าหรูหรา และอีกคนหนึ่งถูกสุนัขเลียแผล (เทียบ ลูกา 16:19-21)
แต่พระเจ้าทรงทอดพระเนตรจิตใจของผู้คน และผ่านทางพระเนตรของพระองค์ เรายังสามารถมองเห็นทั้งผู้ยากจนและผู้ที่เย็นชา ลาซารัสถูกลืมโดยคนที่อยู่ตรงหน้าเขา ตรงหน้าประตูบ้านของเขา แต่พระเจ้าทรงอยู่ใกล้เขาและทรงระลึกถึงชื่อของเขา

#พระเจ้าทรงจดจำชื่อของผู้ที่มีผู้อื่นในจิตใจ
ในทางกลับกัน คนที่มีชีวิตอย่างมั่งคั่งกลับไม่มีชื่อ เพราะเขาหลงลืมตัวเองไปเพราะลืมเพื่อนบ้าน เขาหลงอยู่ในความคิด ในใจของเขาเต็มไปด้วยสิ่งของและว่างเปล่าจากความรัก ทรัพย์สมบัติของเขาไม่ได้ทำให้เขาเป็นคนดี

เรื่องราวที่พระเยซูเจ้าทรงเล่าให้เราฟังนั้น น่าเสียดายที่ยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน ณ เบื้องหน้าของความมั่งคั่ง คือความทุกข์ยากของชนชาติทั้งมวลที่ถูกทำลายด้วยสงครามและการเอารัดเอาเปรียบ ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป มีลาซารัสกี่คนที่ต้องตายเพราะความโลภที่ลืมความยุติธรรม กำไรที่เหยียบย่ำความรัก และความมั่งคั่งของผู้ที่มองไม่เห็นความทุกข์ของผู้ยากจน!

#พระเจ้าประทานความยุติธรรมแก่ผู้ยากจนและผู้ร่ำรวย
กระนั้นก็ดี พระวรสารยืนยันกับเราว่า ความทุกข์ทรมานของลาซารัสจะสิ้นสุดลง ความเจ็บปวดของเขาสิ้นสุดลงเช่นเดียวกับที่ความสนุกสนานของผู้ร่ำรวยสิ้นสุดลง และพระเจ้าทรงให้ความยุติธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย

“ผู้ยากจนนั้นตาย และทูตสวรรค์ได้นำพาเขามาอยู่ข้างอับราฮัม ผู้ร่ำรวยนั้นก็ตายและถูกฝัง” ด้วยเช่นเดียวกัน (ลก 16:22) พระศาสนจักรประกาศพระวาจาของพระเจ้านี้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อที่จะได้เปลี่ยนใจเรา

พี่น้องที่รัก ด้วยความบังเอิญอันน่าทึ่งที่ข้อความจากพระวรสารตอนเดียวกันนี้ ได้รับการประกาศในช่วงปีศักดิ์สิทธิ์เพื่อครูคำสอนในปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมที่ผ่านมาด้วยเช่นเดียวกัน พระเจ้าทรงไถ่โลกจากความชั่วร้ายทั้งปวงโดยการสละพระชนมชีพของพระองค์เพื่อความรอดพ้นของเรา พระราชกิจแห่งความรอดของพระเจ้าเป็นจุดเริ่มต้นของพันธกิจของเรา เพราะพระองค์ทรงเชื้อเชิญให้เราอุทิศตนเพื่อประโยชน์ของทุกคน

“นี่คือศูนย์กลางที่ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมในโลกของเรา หัวใจที่เต้นแรงที่ให้ชีวิตแก่ทุกสิ่งคือคำประกาศปัสกา คำประกาศแรกที่กล่าวว่า “ #พระเยซูเจ้าทรงคืนพระชนมชีพแล้ว ” พระเยซูเจ้าทรงรักท่าน และทรงสละพระชนมชีพเพื่อท่าน ทรงกลับคืนพระชนมชีพและทรงพระชนม์อยู่ พระองค์ทรงใกล้ชิดท่านและทรงรอคอยท่านทุกวัน” (บทเทศน์ของพระสันตะปาปาฟรังซิส 25 กันยายน 2016) ถ้อยคำเหล่านี้ช่วยให้เราไตร่ตรองถึงบทสนทนาในพระวรสารระหว่างเศรษฐีกับอับราฮัม การวิงวอนของเศรษฐีที่ต้องการช่วยเหลือพี่น้องของเขาได้กลายเป็นการเรียกร้องให้เราดำเนินการ
เมื่อพูดกับอับราฮัม เศรษฐีร้องว่า “ถ้าใครจากคนตายไปหาพวกเขา เขาจะกลับใจ” (ลูกา 16:30) อับราฮัมตอบว่า “ถ้าเขาไม่ฟังโมเสสและบรรดาผู้เผยพระวจนะ แม้คนใดจะเป็นขึ้นจากผู้ตาย เขาก็จะไม่เชื่อ” (ข้อ 31)

แท้จริงแล้ว มีผู้หนึ่งที่ฟื้นจากคนตายแล้ว นั่นคือพระเยซูคริสตเจ้านั่นเอง ดังนั้น พระคัมภีร์จึงไม่ได้มุ่งหมายที่จะทำให้เราผิดหวังหรือท้อแท้ แต่เพื่อปลุกจิตสำนึกของเรา การฟังโมเสสและบรรดาผู้ประกาศกหมายถึง การระลึกถึงพระบัญญัติและพระสัญญาของพระเจ้า ซึ่งการทรงนำของพระองค์ไม่เคยทอดทิ้งใครเลย

#เราทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงได้
พระวรสารประกาศแก่เราว่า ชีวิตของทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพราะพระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย เหตุการณ์นี้คือความจริงที่ช่วยเราให้รอด ดังนั้น เราต้องรู้จักและประกาศ แต่นั่นยังไม่พอ #เราต้องรู้จักรัก ความรักนำเราไปสู่ความเข้าใจพระวรสาร เพราะความรักเปลี่ยนแปลงเรา โดยการเปิดใจของเราให้ต้อนรับพระวาจาของพระเจ้าและต้อนรับเพื่อนบ้านของเรา

#ครูคำสอนคือผู้สอนด้วยเสียงอันดังและก้องกังวาน
ในเรื่องนี้ ในฐานะครูคำสอน ท่านคือสาวกของพระเยซูเจ้าผู้เป็นประจักษ์พยานของพระองค์ ชื่อของพันธกิจของท่านมาจากคำกริยาภาษากรีกที่ว่า kat?chein ซึ่งแปลว่า “การสอนเสียงดัง หรือ การทำให้ก้องกังวาน” ซึ่งหมายความว่า ครูคำสอนคือบุคคลแห่งพระวาจาของพระเจ้า คือคำที่พวกเขาเปล่งออกมาด้วยชีวิตของตนเอง

ดังนั้น ครูคำสอนคนแรกของเราก็คือพ่อแม่ของเรา ผู้ที่พูดกับเราเป็นคนแรก และสอนให้เราพูด เช่นเดียวกับที่เราเรียนรู้ภาษาแม่ของเรา การประกาศความเชื่อก็ไม่สามารถมอบหมายให้ผู้อื่นทำได้เช่นกัน แต่เกิดขึ้นได้ในทุกที่ที่เราอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในบ้านของเรา รอบโต๊ะอาหารของครอบครัว เมื่อมีเสียง ท่าทาง หรือใบหน้าที่นำไปสู่พระคริสตเจ้า ครอบครัวก็จะสัมผัสได้ถึงความงดงามของพระวรสาร
เราทุกคนได้รับการสอนให้เชื่อผ่านประจักษ์พยานของผู้ที่เชื่อก่อนหน้าเรา ตั้งแต่วัยเด็ก วัยรุ่น วัยหนุ่มสาว วัยผู้ใหญ่ และแม้กระทั่งวัยชรา ครูสอนคำสอนได้ร่วมเดินไปกับเราในความเชื่อ ร่วมแบ่งปันในการเดินทางอันยาวนานนี้ ดังเช่นที่ท่านได้ทำในวันสำคัญนี้ ในการเดินทางแสวงบุญปีศักดิ์สิทธิ์ พลวัตนี้ครอบคลุมพระศาสนจักรทั้งหมด

#สอนคำสอนจากประสบการณ์แห่งความเชื่อของครูคำสอน
ขณะที่ประชากรของพระเจ้านำพาชายหญิงมาสู่ความเชื่อ “ความเข้าใจในความจริงและถ้อยคำที่สืบทอดกันมา [ก็เติบโตขึ้น] สิ่งนี้เกิดขึ้นได้จากการไตร่ตรองและการศึกษาของผู้ที่มีความเชื่อ ผู้เก็บรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ในใจ (ดู ลูกา 2:19, 51) ผ่านความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความจริงฝ่ายวิญญาณที่พวกเขามีประสบการณ์ และผ่านการเทศนาของผู้ที่ได้รับของประทานแห่งความจริงอันแน่นอนผ่านการสืบทอดตำแหน่งของพระสังฆราช” (Dei Verbum, 18 พฤศจิกายน 1965, ข้อ
ในความเป็นหนึ่งเดียวกันนี้ หนังสือคำสอนคือ “ #คู่มือการเดินทาง ” ที่ปกป้องเราจากความเป็นปัจเจกและความขัดแย้ง เพราะเป็นเครื่องยืนยันถึงความเชื่อของพระศาสนจักรคาทอลิกทั้งหมด ผู้ที่มีความเชื่อทุกคนร่วมมือในงานอภิบาลด้วยการรับฟังคำถาม ร่วมแบ่งปันในการต่อสู้ และตอบสนองความปรารถนาในความยุติธรรมและความจริงที่อยู่ในมโนธรรมของมนุษย์

#เพื่อที่จะได้มีความเชื่อ มีความหวัง และมีความรัก
นี่คือวิธีที่ผู้ครูคำสอนสอน – ในภาษาอิตาลีหมายถึง “การทิ้งร่องรอยเอาไว้” (leaving a mark) เมื่อเราสอนความเชื่อ เราไม่ได้เพียงแต่ให้คำแนะนำเท่านั้น แต่เราใส่พระวาจาแห่งชีวิตไว้ในจิตใจ เพื่อให้พระวาจานั้นบังเกิดผลแห่งชีวิตที่ดี
นักบุญออกัสตินตอบคำถามสังฆานุกรเดโอกราเทียส (Deacon Deogratias) ผู้ถามท่านว่า จะเป็นครูสอนคำสอนที่ดีได้อย่างไรว่า “จงอธิบายทุกสิ่งเพื่อผู้ที่ฟังท่าน โดยการฟังจะได้เชื่อ โดยการเชื่อจะได้หวัง และโดยการหวังจะได้รัก” (Instructing Beginners in Faith, 4,
 
#ไม่มีใครสามารถให้ในสิ่งที่ตนไม่มีได้
พี่น้องที่รักทั้งหลาย ขอให้เรานำคำเชิญชวนนี้ไปใส่ใจ! ขอให้เราระลึกไว้ว่า ไม่มีใครสามารถให้สิ่งที่ตนไม่มีได้ หากคนมั่งมีในพระวรสารได้แสดงความรักต่อลาซารัส เขาคงจะทำดีไม่เพียงแต่กับผู้ยากจนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตัวเขาเองด้วย
หากชายนิรนามผู้นี้มีความเชื่อ พระเจ้าคงจะช่วยเขาให้พ้นจากความทุกข์ทรมานทั้งปวง แต่การยึดติดกับทรัพย์สมบัติทางโลกของเขา ได้พรากความหวังในความดีที่แท้จริงและนิรันดรไป เมื่อเราถูกล่อลวงด้วยความโลภและความเฉยเมยเช่นกัน
“ลาซารัส” มากมายในปัจจุบันเตือนเราถึงพระดำรัสของพระเยซูเจ้า พวกเขาทำหน้าที่เป็นครูคำสอนที่มีประสิทธิภาพสำหรับเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงปีศักดิ์สิทธิ์นี้ ซึ่งเป็น #ช่วงเวลาแห่งการกลับใจและการให้อภัย การอุทิศตนเพื่อความยุติธรรม และการแสวงหาสันติสุขอย่างจริงใจสำหรับทุกคน
ในช่วงปลายของพิธีบูชาขอบพระคุณโอกาสปีศักดิ์สิทธิ์ของครูคำสอน #พระสันตะปาปาเลโอทรงอธิษฐานเพื่อผู้ได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ ไต้หวัน ฮ่องกง เวียดนาม และบางส่วนของจีน และพระองค์ยังทรงประกาศว่านักบุญยอห์น เฮนรี นิวแมน จะได้รับการสถาปนาเป็นนักปราชญ์ของพระศาสนจักรในวันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2025
“ข้าพเจ้าขอแสดงความห่วงใยและอธิษฐานภาวนาสำหรับเหยื่อ ผู้สูญหาย ครอบครัวของผู้พลัดถิ่นจำนวนมาก ผู้คนนับไม่ถ้วนที่ประสบความยากลำบาก ตลอดจนเจ้าหน้าที่กู้ภัยและเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน”
“ข้าพเจ้าขอเชิญชวนทุกท่านให้วางใจในพระเจ้าและแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับผู้อื่น ขอพระเจ้าทรงประทานพละกำลังและความกล้าหาญเพื่อเอาชนะทุกความยากลำบาก”

#ใต้ฝุ่นรากาซา
ไต้ฝุ่นรากาซา ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดในปีนี้ ได้บังคับให้ประชาชนกว่าสองล้านคนในมณฑลกวางตุ้งเพียงแห่งเดียวต้องอพยพ นอกจากความเสียหายอย่างกว้างขวาง น้ำท่วม ไฟฟ้าดับ และดินถล่มแล้ว พายุลูกนี้ยังทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 25 รายในฟิลิปปินส์ และ 14 รายในไต้หวัน
#นักบุญพระคาร์ดินัลนิวแมน
พระคาร์ดินัลจอห์น เฮนรี นิวแมน เป็นนักอักษรศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้รับการประกาศเป็นบุญราศีโดยพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2010 และได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญโดยพระสันตะปาปาฟรังซิส เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2019
พระสันตะปาปาเลโอตรัสว่า นักบุญพระคาร์ดินัลนิวแมน “มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการฟื้นฟูเทววิทยา และความเข้าใจเกี่ยวกับพัฒนาการของหลักคำสอนของคริสตศาสนา” ท่านเกิดเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 1801 ที่กรุงลอนดอน และเริ่มเป็นนักบวชนิกายแองกลิกันเมื่ออายุ 24 ปี
ในปี 1845 ท่านได้ขอเข้าพระศาสนจักรคาทอลิก และอีกสองปีต่อมาท่านก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระสังฆราช ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นพระคาร์ดินัลโดยพระสันตะปาปาเลโอที่ 13 และเลือกคำขวัญว่า “Cor ad cor loquitur” ซึ่งหมายความว่า “หัวใจพูดกับหัวใจ” ซึ่งเป็นวลีที่เชื่อกันว่าเป็นของนักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์ และพระสันตะปาปาฟรังซิสได้กล่าวถึงในพระสมณสาส์น #พระองค์ทรงรักเรา (Dilexit nos)
#ความซาบซึ้งต่อครูคำสอน
พระสันตะปาปาเลโอทรงทักทายอย่างอบอุ่นแก่ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสนบริกรครูคำสอนระหว่างพิธีบูชาขอบพระคุณ รวมถึงครูคำสอนทั่วโลกว่า
“ข้าพเจ้าขออวยพรให้ครูคำสอนทุกคนในพระศาสนจักรทั่วโลกให้ทำงานอย่างบังเกิดผล ขอบพระคุณสำหรับการรับใช้พระศาสนจักร ขอให้เราอธิษฐานภาวนาเพื่อพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ทำงานภายใต้สภาวะที่ยากลำบาก” 

(#บทเทศน์ของสมเด็จพระสันตะปาปา จากเพจ...คุณพ่อนุพันธุ์ ทัศมาลี)

วันจันทร์ที่ 29 กันยายน 2025
เช้าวันนี้กลุ่มแสวงบุญครูคำสอนไทยร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณณ พระวิหารพระมารดาแห่งพระหรรษทาน มิสซาในเวลา 9.30 น. ซึ่งเป็นที่หลุมฝังศพของนักบุญมารีอากอแร็ตตี (Nettuno) อิตาลี และเดินทางต่อไป อารามนักบุญเบเนดิก เมือง มอนเต คาสสิโน St. Benedict at Monte Cassino) และเดินทางกลับไทยโดยสวัสดิภาพ