5 Saints to accompany you if you’re feeling lonely
https://aleteia.org/2025/03/10/5-saints-to-accompany-you-if-youre-feeling-lonely/?utm_medium=email&utm_source=sendgri d&utm_campaign=EM-EN-Newsletter-Daily-&utm_content=Newsletter&utm_term=20250818



จาโรมีร์ ชาลาบาลา (Jaromir Chalabala)  ช่างภาพ

เซริธ การ์ดิเนอร์ (Cerith Gardiner) - เผยแพร่เมื่อ 10 มีนาคม 2025 - อัปเดตเมื่อ 18 สิงหาคม 2025

ค้นพบปรีชาญาณอันไร้กาลเวลาในความเงียบสงบ: ค้นพบคำแนะนำอันอ่อนโยน ความหวัง และสายสัมพันธ์อันจริงใจ  ด้วยแรงบันดาลใจจากนักบุญเหล่านี้

ถึงแม้จะเป็นสถานการณ์ที่แปลก แต่ในโลกปัจจุบันที่ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็วและเชื่อมต่อกันด้วยดิจิทัล  พวกเราหลายคนต่างประสบกับความเหงาอย่างเงียบๆ - ความปรารถนาที่จะได้เชื่อมต่อกันอย่างแท้จริง ท่ามกลางเสียงพูดคุยออนไลน์และการปฏิสัมพันธ์ที่ผิวเผินอยู่ตลอดเวลา  ความขัดแย้งคือแม้เทคโนโลยีจะทำให้การติดต่อสื่อสารง่ายขึ้น แต่บ่อยครั้งกลับทำให้ความต้องการทางอารมณ์ที่ลึกซึ้งของเราไม่ได้รับการตอบสนอง  อันที่จริง  การศึกษาที่นำโดยศัลยแพทย์ใหญ่แห่งสหรัฐอเมริกาในปี 2023 อธิบายว่าเรากำลังอยู่ใน “ภาวะระบาดของความเหงา”

แม้ว่าความรู้สึกโดดเดี่ยวในโลกนี้อาจทำให้เรารู้สึกว่างเปล่าและบางทีอาจถึงขั้นสงสัยในตัวเอง แต่ความเหงา - ความปรารถนาอันเงียบสงบที่จะมีเพื่อนแท้ - สามารถเปิดประตูสู่การสำรวจและการเติบโตภายในได้

เราสามารถใช้เวลาครุ่นคิดเหล่านี้และพยายามค้นหาการปลอบประโลมใจจากการชี้นำอันอ่อนโยนของผู้ที่เคยเดินบนเส้นทางเดียวกัน  เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เราจึงสามารถมองย้อนกลับไปถึงชีวิตของนักบุญทั้งห้าท่าน ซึ่งเรื่องราวของพวกเขาสะท้อนถึงความงดงามของการใคร่ครวญ ความเมตตา  และความยืดหยุ่นอย่างเงียบ ๆ เส้นทางของพวกเขาเตือนใจเราว่า แม้ในช่วงเวลาที่โดดเดี่ยวที่สุด  ก็ยังมีแสงแห่งความหวังและแรงบันดาลใจส่องนำทางไปสู่การดำรงอยู่ที่เชื่อมโยงและเติมเต็มมากยิ่งขึ้น

1. นักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี (ค.ศ. 1181-1226)
นักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซีได้รับการยกย่องในความเรียบง่ายอันน่าประทับใจและความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับธรรมชาติ ท่านสละชีวิตอันมีสิทธิพิเศษ และแสวงหาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด สอนเราว่าความงามของธรรมชาติมีพลังในการปลอบประโลมจิตใจของเรา

ด้วยวิถีทางอันถ่อมตน ท่านได้ทำลายกำแพงกั้นระหว่างมนุษยชาติและโลก  กระตุ้นให้เรามองตนเองในฐานะส่วนสำคัญของโลกที่กว้างใหญ่และเชื่อมโยงถึงกัน ชีวิตของท่านเป็นเครื่องเตือนใจว่าท่ามกลางความเงียบสงบของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นเสียงใบไม้เสียดสีหรือเสียงเจื้อยแจ้วของนก เราสามารถพบเพื่อนที่เติมเต็มความว่างเปล่าแห่งความโดดเดี่ยวได้  มรดกของนักบุญฟรังซิสเชื้อเชิญให้เรากลับมาเชื่อมโยงกับความเรียบง่ายและความมหัศจรรย์ของโลกรอบตัวเราอีกครั้ง  มอบเส้นทางอันอ่อนโยนกลับคืนสู่ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง

2. นักบุญเทเรซาแห่งอาวีลา (ค.ศ. 1515-1582)
นักบุญเทเรซาแห่งอาวีลา นักบวชผู้เปี่ยมด้วยศรัทธาและนักปฏิรูป  ได้เปลี่ยนความสันโดษให้กลายเป็นประตูสู่การค้นพบทางจิตวิญญาณอันลึกซึ้ง ผ่านงานเขียนอันเปี่ยมด้วยความคิดและการปฏิบัติสมาธิ ท่านได้ถ่ายทอดการเดินทางของจิตวิญญาณที่พาเราลึกเข้าไปในห้วงลึกของหัวใจ สำหรับนักบุญเทเรซาแห่งอาวีลาช่วงเวลาแห่งความสันโดษไม่ใช่ช่วงเวลาแห่งความโดดเดี่ยว  แต่เป็นโอกาสที่จะได้พบกับประกายอันศักดิ์สิทธิ์ภายใน

การสำรวจชีวิตภายในอย่างตรงไปตรงมาของเธอกระตุ้นให้เรายอมรับช่วงเวลาแห่งการใคร่ครวญอย่างเงียบ ๆ ว่าเป็นโอกาสในการเติบโตและเยียวยา  ในโลกที่มักมองว่าความยุ่งวุ่นวายตลอดเวลาคือความสำเร็จ ชีวิตของเธอเปรียบเสมือนเครื่องเตือนใจอย่างอ่อนโยนว่าการถอยกลับเข้าสู่ภายในสามารถเผยให้เห็นถึงพลัง ความคิดสร้างสรรค์  และความเห็นอกเห็นใจ เรื่องราวของนักบุญเทเรซาแห่งอาวีลาเปรียบเสมือนประภาคารสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนความเหงาให้กลายเป็นบทสนทนาที่มีความหมายกับตัวตนภายในของตนเอง

3. นักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขน (ค.ศ. 1542-1591)
นักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขนมีชื่อเสียงในด้านภาพพจน์อันทรงพลังและบทกวีอันลึกซึ้ง ท่านได้เจาะลึกสิ่งที่ท่านเรียกขานอย่างโด่งดังว่า “ค่ำคืนอันมืดมิดของจิตวิญญาณ” แทนที่จะมองช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังอย่างสุดซึ้งเหล่านี้ว่าเป็นจุดหมายปลายทาง ท่านกลับมองว่าเป็นการเดินทางที่เปลี่ยนแปลงชีวิตไปสู่การเกิดใหม่ทางจิตวิญญาณ งานเขียนของท่านบรรยายถึงเส้นทางที่การต่อสู้กับความเหงาและความมืดมิดกลายเป็นภาชนะสำหรับการกำเนิดตัวตนใหม่ที่มีความสดใสและมีชีวิตชีวามากขึ้น

ความสามารถของนักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขนในการแสวงหาความงามในห้วงลึกแห่งความมืดมิด นำเสนอมุมมองที่ปลอบประโลมใจ  นั่นคือช่วงเวลาแห่งความโดดเดี่ยวและการต่อสู้ภายในไม่ใช่สัญญาณของความพ่ายแพ้ แต่เป็นขั้นตอนสำคัญในการแสวงหาชีวิตที่สดใสและเชื่อมโยงถึงกัน ผลงานของท่านสร้างแรงบันดาลใจให้เราเชื่อมั่นว่าแม้แต่ค่ำคืนที่มืดมิดที่สุดของเราก็สามารถหลีกทางให้กับแสงอันอ่อนโยนของการเริ่มต้นใหม่ได้

4. นักบุญแคทเธอรีนแห่งซีเอนา (ค.ศ. 1347-1380)
นักบุญแคทเธอรีนแห่งซีเอนาเป็นที่จดจำในเรื่องความเห็นอกเห็นใจอย่างจริงใจและการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันกับโลกที่มักเต็มไปด้วยความแตกแยกและความโดดเดี่ยว  ท่ามกลางความวุ่นวาย เธอใช้พรสวรรค์ด้านการสื่อสารอันน่าทึ่งของเธอเพื่อเชื่อมโยงความแตกต่างและแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อทุกคนที่เธอพบเจอ ชีวิตของนักบุญแคทเธอรีนแห่งซีเอนาเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงพลังแห่งการเอื้อมมือออกไป แม้ในขณะที่เธอกำลังเผชิญกับความซับซ้อนในชีวิตภายใน เธอไม่เคยลังเลที่จะให้การสนับสนุนและการดูแลแก่ผู้ที่ต้องการ

แบบอย่างของเธอสอนเราว่าความเหงาสามารถบรรเทาได้ด้วยท่าทางเล็กๆน้อยๆที่เปี่ยมด้วยความเห็นอกเห็นใจ  เช่น  รอยยิ้ม คำพูดที่อ่อนโยน หรือการช่วยเหลือ ในการยอมรับมรดกของเธอ เราได้รับการเตือนว่าความสัมพันธ์ส่วนตัวของเรา  แม้จะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม ก็มีพลังที่จะเชื่อมชิ้นส่วนที่แตกสลายของประสบการณ์ชีวิตของเราเข้าด้วยกันได้

5. นักบุญเทเรซาแห่งลีซีเออซ์ (ค.ศ. 1873-1879)
นักบุญเทเรซาแห่งลีซีเออซ์  มักได้รับฉายาว่า  “ดอกไม้น้อย”  พระองค์ทรงยึดมั่นในเส้นทางแห่งความเรียบง่ายและความเชื่อมั่นอย่างลึกซึ้งในพลังแห่งช่วงเวลาในแต่ละวัน  “วิถีเล็กๆ” ของพระองค์คือเสียงเรียกอันอ่อนโยนให้ค้นพบความศักดิ์สิทธิ์ในการกระทำเล็กๆน้อยๆในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจว่า  แม้แต่การแสดงออกถึงความรักและความเมตตาแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถเปลี่ยนแปลงโลกภายในของเราได้

ชีวิตของนักบุญเทเรซาแห่งลีซีเยอเปี่ยมล้นด้วยความหวังอันอ่อนโยน แสดงให้เราเห็นว่าเราไม่จำเป็นต้องทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อรู้สึกผูกพันหรือมีคุณค่า การมุ่งเน้นที่ความงามของสิ่งธรรมดาๆของพระองค์สะท้อนอย่างลึกซึ้งในบริบทสมัยใหม่ที่ซึ่งแรงกดดันในการบรรลุเป้าหมายอย่างต่อเนื่องอาจทำให้เรารู้สึกโดดเดี่ยว การทะนุถนอมช่วงเวลาเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการสวดภาวนาเงียบๆ  รอยยิ้มร่วมกัน  หรือการกระทำอันแสนห่วงใย ทำให้เราเรียนรู้ว่าความรักในรูปแบบที่ละเอียดอ่อนที่สุด สามารถเป็นเพื่อนร่วมทางที่มั่นคงในการเดินทางจากความเหงาไปสู่การเป็นส่วนหนึ่งได้

++++++++++
ฟ.วีระ อาภรณ์รัตน์ แปล
 

คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรม แผนกคริสตศาสนธรรม
อาคารเลขที่ 122/11 ซ.นนทรี 14 (ซ.นาคสุวรรณ)  ถ.นนทรี  ยานนาวา  กรุงเทพฯ 10120