การสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปาเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการสำคัญหลายขั้นตอนที่นำไปสู่การเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่ หรือผู้สืบตำแหน่งนักบุญเปโตร กระบวนการนี้เรียกว่า
Sede Vacante หรือ บัลลังก์พระสันตะปาปาว่างลง ซึ่งมีขั้นตอนและประเพณีที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นระบบของศาสนจักรคาทอลิก
ขั้นตอนหลักหลังพระสันตะปาปาสิ้นพระชนม์
1. Sede Vacante (ตำแหน่งว่าง)
เมื่อพระสันตะปาปาสิ้นพระชนม์ วาติกันจะเข้าสู่ช่วง Sede Vacante หรือ
บัลลังก์พระสันตะปาปาว่างลง ซึ่งเป็นช่วงเวลาระหว่างการสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปาองค์เดิมจนถึงการเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่ ในช่วงนี้ คณะคาร์ดินัลจะเข้ามารับผิดชอบการบริหารศาสนจักรชั่วคราว
แต่ไม่มีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงนโยบายหลักหรือแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญ
2. พิธีศพและพิธีไว้อาลัยเก้าวัน (Novendiali) จะมีพิธีศพของพระสันตะปาปา พร้อมกับ พิธีมิสซาเก้าวันอุทิศแด่ดวงวิญญาณพระสันตะปาปาผู้ล่วงลับ (Novendiali)
3. การประชุมใหญ่คณะคาร์ดินัล (General Congregations) คณะคาร์ดินัลจะประชุมเพื่อเตรียมการเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่ รวมถึงการกำหนดวันเลือกตั้งและเตรียมสถานที่
คาร์ดินัลที่มีอายุเกิน 80 ปี สามารถเข้าร่วมประชุมเตรียมการได้ แต่ไม่มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง
4. การเลือกตั้งพระสันตะปาปา (Conclave)
การเลือกตั้งพระสันตะปาปา หรือ Conclave จะจัดขึ้นในวัดน้อยซิสติน ภายใน 15-20 วันหลังการสิ้นพระชนม์
มีคาร์ดินัลที่มีอายุต่ำกว่า 80 ปี ไม่เกิน 120 คน เป็นผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง ณ วันที่ 21 เมษายน 2025 มีคาร์ดินัลผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 135 คน (แม้ Universi Dominici Gregis จะกำหนดเพดานไว้ที่ 120 คน) โดยในจำนวนนี้ 133
คนได้รับแต่งตั้งโดยพระสันตะปาปา ฟรานซิส และมีคาร์ดินัลที่ไม่มีสิทธิ์เลือกตั้งอีก 117 คน ผู้ได้รับเลือกต้องเป็นชายคาทอลิกที่รับศีลล้างบาป (แม้ในทางทฤษฎีจะไม่จำเป็นต้องเป็นคาร์ดินัล แต่ในทางปฏิบัติทุกคนเป็นคาร์ดินัล)
5. กระบวนการลงคะแนนเสียง การลงคะแนนจะเป็นความลับ ต้องได้คะแนนเสียงอย่างน้อย 2 ใน 3 ของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด
หากยังไม่ได้ผู้ที่ได้รับเลือก จะมีการลงคะแนนใหม่วันละ 4 รอบ (2 รอบเช้า 2 รอบบ่าย) จนกว่าจะได้พระสันตะปาปาองค์ใหม่ เมื่อได้พระสันตะปาปาองค์ใหม่ จะมีพิธี Habemus Papam ประกาศพระนามพระสันตะปาปาองค์ใหม่ต่อสาธารณชน
6. สัญลักษณ์ควันขาว-ควันดำ ทุกครั้งที่มีการลงคะแนน
บัตรลงคะแนนจะถูกเผาในเตาเผาพิเศษ หากยังไม่ได้พระสันตะปาปาองค์ใหม่จะเกิดควันดำ (ไม่มีผล) หากได้พระสันตะปาปาองค์ใหม่จะเกิดควันขาว (สำเร็จ)
7. การรับตำแหน่ง เมื่อพระสันตะปาปาองค์ใหม่ตอบรับ จะมีการเลือกพระนามใหม่ และเข้าสู่พิธีรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
การเลือกตั้งพระสันตะปาปา:
กฎเกณฑ์และกระบวนการของการประชุมเลือกตั้ง (Conclave) ตามหลัก Universi Dominici Gregis (ธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งพระสันตะปาปา)
สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น พอล ที่ 2 ได้ยืนยันโครงสร้างสำคัญนี้
และกำหนดให้ขั้นตอนทั้งหมดของการเลือกตั้งต้องจัดขึ้น เฉพาะในวัดน้อยซิสติน
พระองค์ตรัสว่า ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของการกระทำนี้ และความเหมาะสมที่จะประกอบในสถานที่ที่เหมาะสม ซึ่งพิธีกรรมทางศาสนาสอดคล้องกับระเบียบกฎหมาย
และผู้เลือกตั้งสามารถเตรียมจิตใจให้พร้อมรับการนำของพระจิต พ่อจึงกำหนดให้การเลือกตั้งยังคงต้องจัดในวัดน้อยซิสติน ที่ซึ่งทุกสิ่งเอื้อให้เกิดความตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระเจ้า... (Universi Dominici Gregis, ข้อ 9)
เหตุผลและหลักการสำคัญ จุดประสงค์หลักของ Conclave คือการปกป้องกระบวนการเลือกตั้งพระสันตะปาปาจากอิทธิพลภายนอก และมอบหมายหน้าที่นี้ให้กับคณะเลือกตั้งที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (คณะคาร์ดินัล)
การเปลี่ยนแปลงสำคัญ 3 ประการตาม Universi Dominici Gregis
1.ที่พักของพระคาร์ดินัลผู้เลือกตั้ง ตลอดช่วงการเลือกตั้ง พระคาร์ดินัลผู้เลือกตั้งและผู้ที่เกี่ยวข้องจะพักอยู่ที่sหอพัก ซานตา มาร์ธา ในนครรัฐวาติกัน
2.วิธีการลงคะแนน คาร์ดินัลผู้เลือกตั้งสามารถลงคะแนนเลือกพระสันตะปาปาได้ โดยการลงคะแนนลับเท่านั้น
3.เสียงข้างมากที่จำเป็น เดิมตาม Universi Dominici Gregis (ข้อ 75)
กำหนดว่า หากลงคะแนนถึงครั้งที่ 33 หรือ 34 แล้วไม่สามารถเลือกได้ ให้ใช้เสียงข้างมากเกินครึ่ง (Absolute Majority) ก็เพียงพอ ต่อมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ได้แก้ไขกฎนี้ในปี 2007 โดยกำหนดให้ต้องได้เสียงข้างมาก 2 ใน
3 ของผู้เลือกตั้งที่เข้าร่วมเสมอ ไม่ว่าจะลงคะแนนกี่รอบ
Sede Vacante: การบริหารศาสนจักรคาทอลิกเมื่อพระสันตะปาปาสิ้นพระชนม์ Sede Vacante หมายถึงช่วงเวลาที่ บัลลังก์พระสันตะปาปาว่างลง คือระยะเวลาระหว่างการสิ้นสุดพันธกิจของพระสันตะปาปาองค์หนึ่ง (โดยการสิ้นพระชนม์หรือการลาออก)
จนถึงการเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่ ช่วงเวลานี้ถูกกำหนดและควบคุมอย่างเข้มงวดตามรัฐธรรมนูญสมณสาสน์ Universi Dominici Gregis ซึ่งออกโดยพระสันตะปาปาจอห์น พอล ที่ 2 เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 1996
ใครเป็นผู้บริหารศาสนจักรในช่วง Sede Vacante ในช่วง Sede Vacante
อำนาจการบริหารศาสนจักรคาทอลิกจะอยู่ในมือของคณะคาร์ดินัล (College of Cardinals) แต่มีอำนาจจำกัดเฉพาะการจัดการเรื่องทั่วไปหรือเรื่องเร่งด่วน และการเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม คณะพระคาร์ดินัลไม่มีอำนาจตัดสินใจในเรื่องที่เป็นสิทธิพิเศษเฉพาะของพระสันตะปาปาในระหว่างที่พระองค์ยังมีชีวิตอยู่
เกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้าส่วนราชการวาติกัน (Roman Curia) ในช่วง Sede Vacante เมื่อพระสันตะปาปาสิ้นพระชนม์ เจ้าสมณกระทรวงหรือหัวหน้าส่วนราชการ (Prefects)
ของทุกสำนักในวาติกันจะต้องพ้นจากตำแหน่งทันที ยกเว้นบางตำแหน่งสำคัญที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้การบริหารงานประจำวันของวาติกันดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น ได้แก่
คาร์ดินัลคาร์เมอร์เล็นโก้ (เช่น คาร์ดินัลเควิน ฟาร์เรลล์): ดูแลและบริหารทรัพย์สินและสิทธิของสันตะสำนักในช่วงว่างตำแหน่ง Major Penitentiary (คาร์ดินัลแองเจโล่ เด โดนาติส): รับผิดชอบเรื่องการให้อภัยบาปสำคัญ
คาร์ดินัลอุปบิช็อปของกรุงโรม (คาร์ดินัลบัลดาสซาเร่ เรย์น่า) ดูแลเขตศาสนปกครองโรม คาร์ดินัลเจ้าวัดมหาวิหารนักบุญเปโตร (คาร์ดินัลเมาโร่ กัมเบ็ตติ) นักสังคมสงเคราะห์แห่งสันตะสำนัก (คาร์ดินัลคอนราด คราเยฟสกี้)
รองเลขาธิการนครรัฐวาติกัน (อาร์คบิช็อป เอ็ดการ์ เปญ่า ปาร์ร่า) เลขาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อาร์คบิช็อป พอล กัลลาเกอร์) หัวหน้านายจารีตประจำสันตะสำนัก (อาร์คบิช็อปดีเอโก้ ราเวลลี่)
นอกจากนี้ เลขาธิการของแต่ละสมณกระทรวง (Secretaries of the Dicasteries) ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานของตนต่อไป
บทบาทของคณะพระคาร์ดินัลในช่วง Sede Vacante คณะพระคาร์ดินัลจะประชุมกันที่กรุงโรม (ยกเว้นผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ) และแบ่งการประชุมออกเป็น 2 ประเภท:
1. General Congregations: ประชุมใหญ่ของคณะพระคาร์ดินัลทั้งหมด (รวมผู้ที่อายุเกิน 80 ปี) เพื่อวางแผน เตรียมการเลือกตั้ง และตัดสินใจเรื่องสำคัญเร่งด่วน เช่น กำหนดวันเริ่มการลงคะแนนเสียง 2. Particular
Congregations: ประกอบด้วยคาร์ดินัลคาร์เมอร์เล็นโก้ และคาร์ดินัลอีก 3 คน (จากกลุ่มบิช็อป สงฆ์ และสังฆานุกร) ซึ่งจับสลากหมุนเวียนทุก 3 วัน ทำหน้าที่ดูแลกิจการประจำวัน ส่วนเรื่องสำคัญต้องนำเสนอที่ประชุมใหญ่
ข้อจำกัดและหลักการสำคัญ ในช่วง Sede Vacante
คณะพระคาร์ดินัลไม่มีอำนาจเปลี่ยนแปลงนโยบายหลักหรือแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญใดๆ ที่เป็นสิทธิพิเศษของพระสันตะปาปา การตัดสินใจเรื่องสำคัญหรืออ่อนไหวจะถูกสงวนไว้ให้พระสันตะปาปาองค์ใหม่เท่านั้น
ชีวิตและกิจกรรมของศาสนจักรยังดำเนินต่อไปตามปกติในขอบเขตที่กฎหมายกำหนด
ขั้นตอนสำคัญก่อนเริ่มเลือกตั้งพระสันตะปาปา ก่อนการเลือกตั้งจะเริ่มขึ้น จะมีพิธีมิสซาอย่างสง่า เรียกว่า มิสซาเพื่อการเลือกตั้งพระสันตะปาปา (Pro Eligendo Papa) โดยมีคาร์ดินัลผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเข้าร่วมทั้งหมด ในช่วงบ่าย
คาร์ดินัลจะเดินเข้าสู่วัดน้อยซิสติน เพื่อเริ่มต้นการประชุมเลือกตั้ง (Conclave)
เมื่อขบวนเข้าสู่วัดน้อยซิสติน คาร์ดินัลแต่ละคนจะกล่าวคำปฏิญาณตามที่กำหนดไว้ในข้อ 53 ของ Universi Dominici Gregis โดยให้คำมั่นว่า
หากได้รับเลือก จะปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้สืบตำแหน่งนักบุญเปโตรด้วยความซื่อสัตย์ต่อศาสนจักรสากล และจะรักษาความลับทุกอย่างเกี่ยวกับการเลือกตั้ง รวมถึงไม่สนับสนุนการแทรกแซงจากภายนอก
หลังจากนั้น นายจารีตประจำสันตะสำนักจะประกาศ
Extra omnes (ทุกคนออกไป) ให้ทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากวัดน้อยซิสติน
เหลือเพียงนายจารีตประจำสันตะสำนักและนักบวชที่ได้รับมอบหมายให้เทศน์เรื่องความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ของการเลือกตั้งพระสันตะปาปาและความจำเป็นต้องกระทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์เพื่อประโยชน์ของศาสนจักร
เมื่อเทศน์จบ ทั้งสองท่านจะออกไป
เหลือแต่คาร์ดินัลผู้เลือกตั้ง ซึ่งจะสวดภาวนาและรับฟังคำชี้แจงจากหัวหน้าคณะคาร์ดินัลเกี่ยวกับกฎเกณฑ์และขั้นตอนต่าง ๆ
มาตรการรักษาความลับและป้องกันการแทรกแซง การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเฉพาะในวัดน้อยซิสติน ซึ่งถูกปิดตายอย่างสมบูรณ์ ไม่มีการติดต่อกับโลกภายนอก คาร์ดินัลห้ามส่งจดหมาย
โทรศัพท์ หรือรับข่าวสารใด ๆ เว้นแต่กรณีฉุกเฉินสูงสุด
เสียงข้างมากที่ต้องการ ผู้ที่จะได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปา
ต้องได้รับเสียงสนับสนุนอย่างน้อย 2 ใน 3 ของคาร์ดินัลที่เข้าร่วมเลือกตั้ง หากจำนวนไม่หารสามลงตัว จะต้องได้คะแนนเพิ่มอีกหนึ่งเสียง
วันแรกจะมีการลงคะแนนเพียงรอบเดียว จากนั้นในแต่ละวันจะมีการลงคะแนน 4 รอบ (เช้า 2 รอบ บ่าย 2
รอบ) หากไม่มีผู้ได้รับเลือกหลังจาก 3 วัน จะหยุดลงคะแนนชั่วคราว 1 วันเพื่อภาวนาและหารือ จากนั้นจะลงคะแนนต่ออีก 7 รอบ หากยังไม่ได้ผู้ได้รับเลือก จะหยุดอีกครั้ง และวนซ้ำแบบนี้จนกว่าจะได้พระสันตะปาปาองค์ใหม่
ขั้นตอนหลังการเลือกตั้ง เมื่อได้ผู้ได้รับเลือก หัวหน้าคณะคาร์ดินัลจะถามความยินยอมว่า
ท่านยอมรับการเลือกตั้งนี้หรือไม่ หากยอมรับ จะถามต่อว่า ท่านต้องการใช้นามใด จากนั้นจะมีการบันทึกอย่างเป็นทางการ
ตั้งแต่วินาทีนั้น ผู้ได้รับเลือกจะกลายเป็นพระสันตะปาปาองค์ใหม่โดยสมบูรณ์
คาร์ดินัลทุกคนจะถวายความเคารพและปฏิญาณความจงรักภักดี จากนั้นคาร์ดินัลที่อาวุโสสุดในระดับคาร์ดินัลสังฆานุกร (Protodeacon) จะประกาศต่อประชาชนที่จัตุรัสนักบุญเปโตรด้วยวลี Annuntio vobis gaudium magnum; Habemus Papam
(ขอประกาศข่าวดีแก่ท่านทั้งหลาย เรามีพระสันตะปาปาองค์ใหม่แล้ว)
พระสันตะปาปาองค์ใหม่จะออกมาที่ระเบียงกลางของมหาวิหารนักบุญเปโตรเพื่อประทานพร Urbi et Orbi แก่กรุงโรมและโลก
หลังจากนั้น
จะมีพิธีสถาปนาอย่างเป็นทางการ และพระสันตะปาปาองค์ใหม่จะเข้ารับตำแหน่งประมุขของมหาวิหารซานโจวานนี่ อิน ลาเตราโน่ ตามพิธีกรรมที่กำหนดไว้
|
|