ข้าแต่พระเยซูเจ้า
บนแผ่นดินของเรานี้
แผ่นดินชุ่มฉ่ำ ด้วยหยาดเหงื่อของมนุษย์
แผ่นดินที่อาบด้วยเลือด
แผ่นดินที่เป็นทางแห่งความรัก และความเกลียดแค้น
ซึ่งไม้กางเขนของพระองค์ถูกตั้งอยู่
เครื่องมือแห่งความรุนแรง
ซึ่งได้ยกพระองค์ให้เป็นภาพแห่งความเจ็บปวดและความตาย

        พระองค์ทรงถูกฝูงชนปฏิเสธ ทรงถูกบรรดามิตรทอดทิ้ง
ปะปนกับอาชญากร ถูกทำให้เสียศักดิ์ศรี
ทรงรับทรมานทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ
พระองค์ทรงถูกลดองค์  จนถึงสุดเหวแห่งความทุกข์ทรมาน
เสมือนว่าทรงถูกพระเจ้าทอดทิ้ง

        พระองค์ทรงถูกตรึงบนกางเขน
กระนั้น  ทรงกางแขนเปิดต้อนรับทุกคน
พระโอษฐ์ทรงกล่าวคำให้อภัย  และทรงสัญญาประทานความสุขแก่ผู้ร้ายที่กลับใจว่า
“วันนี้  ท่านจะอยู่กับเราในสวรรค์” (ลก 23:43)

        ข้าแต่พระเยซูเจ้า
เรื่องราวของพระองค์ยังคงต่อเนื่องในบทเร้าวิงวอนประจำวัน
ถูกทรยศ  ถูกทอดทิ้ง  ไม่จงรักภักดี การใช้อำนาจในทางที่ผิด
การแก้แค้นยังคงมีต่อไปในโลกใบนี้

        ต่อหน้าไม้กางเขนของพระองค์
เครื่องหมายเดิมและเรื่องราวใหม่ที่ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง
พวกลูกสังเกตเห็นชัดเจนถึง
โศกนาฏกรรมของบรรดาประชาชน  คนยากจนในโลก
พระมหาทรมานของพระองค์ยังคงต่อเนื่องในพวกเขา
ความรุนแรง การทำลาย อาชญากรรมประจำวัน
ความทุกข์ทรมานเจ็บปวด  แก่บรรดาผู้อ่อนแอ และปราศจากอาวุธ  ยังไม่จบสิ้น

        ต่อหน้าพระองค์ และไม้กางเขนทุกอันในโลก
หลังจากถูกหอกแทงครั้งสุดท้าย
หลังจากสงครามครั้งสุดท้าย
หลังจากความรุนแรงต่อผู้บริสุทธิ์ครั้งสุดท้าย
พวกลูกวอนขอพระองค์ สำหรับมนุษย์ทุกคน
เป็นพิเศษ  สำหรับบรรดาผู้ใช้อำนาจอาวุธ เพื่อป้องกัน เพื่อดูถูกคนอื่น
เพื่อรักษาอำนาจของพวกเขา

        โปรดเปิดตาของพวกเขา  ให้เห็นกิจการชั่วร้ายที่เขาได้กระทำ
เห็นผลตามมาจากสงคราม ความโศกเศร้า ความพินาศเสียหาย
และความสิ้นหวังของประชาชน

        โปรดเปิดหัวใจของพวกเขา เหตุว่าบนใบหน้าเศร้าหมองของผู้ถูกกดขี่
ให้พวกเขารับรู้การปรากฏกายของพระองค์
ในโลหิตของผู้รับเคราะห์  ดังโลหิตไหลหยดจากกางเขนของพระองค์
เหตุว่า  พระองค์ทรงเป็นพี่ชายของทุกชีวิตที่กำลังทนทุกข์
ข้าแต่พระเยซูคริสตเจ้า กษัตริย์แห่งสากลจักรวาล

ไม้กางเขนในมหาวิหารนักบุญปรัสเซเด 
(ใกล้บ้านศูนย์กลางคณะพระมหาไถ่ ที่กรุงโรม)
ในศตวรรษที่ 14 ตามประเพณีเก่าแก่กล่าวกัน
ว่า  พระเยซูเจ้าบนกางเขนนี้  ตรัสกับนักบุญบริยิด
แห่งสวีเดน (ค.ศ. 1303-1373)
กางเขนนี้ทำด้วยไม้ ได้มีการบูรณะใน ค.ศ. 1998

        อธิการ จูแซปเป้ กาเลสต้า
อารามเบเนดิกติน  แห่ง Vallombrosani