| พระสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์ วีระ อาภรณ์รัตน์ 
                                ประธานคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรม และพระสังฆราชซิลวีโอ สิริพงษ์ จรัสศรี ได้นำ พระสงฆ์ นักบวช และคุณครูคำสอน รวม 50 คน ร่วมฉลองยูบีลีสำหรับครูคำสอนโอกาสปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมที่กรุงโรม 
                                และร่วมแสวงบุญที่ประเทศอิตาลี ระหว่างวันที่ 22-30 กันยายน ค.ศ. 2016 นอกจากนี้ยังมีคณะเซอร์และครูคำสอนของโรงเรียนในเครือของคณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ประมาณ 40 คน ที่มาร่วมฉลองในงานดังกล่าวนี้ด้วย โดยมีคุณพ่อสมหมาย 
                                มธุรสสุวรรณ  จิตตาธิการและผู้จัดการแผนกคริสตศาสนธรรมของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ เป็นผู้นำการแสวงบุญ 
 การฉลองยูบีลีสำหรับครูคำสอนนี้จัดโดยกระทรวงเพื่อการประกาศพระวรสารใหม่ โดยมีกิจกรรมการฉลองในวันที่ 23-25 
                                กันยายน  คือ
 วันศุกร์ที่ 23 กันยายน เวลา 18.00  19.00 น. ครูคำสอนได้รำพึงเรื่อง เมตตาธรรม จากคติพจน์ของ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสที่ว่า Miserando atgue eligendo (แม้น่าสงสารพระองค์ก็ทรงเรียก) 
                                โดยรำพึงผ่านทางภาพ การเรียกของมัทธิว ของศิลปินชาวอิตาเลี่ยนชื่อ Caravaggio มีการแบ่งสถานที่เพื่อฟังการบรรยายตามวัดต่างๆ 5 วัด โดยแบ่งตามภาษา 5 ภาษา คือ เยอรมัน โปรตุเกส ฝรั่งเศส สเปน และอังกฤษ 
                                กลุ่มครูคำสอนไทยได้ไปชมภาพวาดดังกล่าวนี้ที่วัด San Luigi dei Francesi ด้วย
 
 วันเสาร์ที่ 24 กันยายน เวลา 09.00  14.00 น. มีการนมัสการศีลมหาสนิท และรับศีลอภัยบาป อีกทั้งมีการจาริกผ่านประตูศักดิ์สิทธิ์ 
                                ตามรอยเท้าของนักบุญ และบุญราศีที่เป็นครูคำสอนซึ่งหนึ่งในนั้นมีบุญราศีฟิลิป สีฟอง อ่อนพิทักษ์ จากประเทศไทยรวมอยู่ด้วย ในตอนเย็นเวลา 18.00 น. มีการสวดทำวัตรเย็น และแบ่งปันพยานชีวิต ณ มหาวิหารนักบุญเปาโลนอกกำแพง
 
 การฉลองสิ้นสุดลงด้วยพิธีบูชาขอบพระคุณ โดยสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเป็นประธานในพิธี ที่ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ในวันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน เวลา 10.00 น. มีครูคำสอนและคริสตชนที่มาร่วมพิธี ประมาณ 100,000 
                                คน พระองค์ได้เทศน์เตือนใจแก่ครูคำสอนและผู้มาร่วมพิธีในวันนั้นจากพระวรสารเรื่องเศรษฐีกับลาซารัสว่า
 
 "ในบทอ่านที่ 2 น.เปาโลเตือนใจเราถึงหัวใจสำคัญของความเชื่อคือ พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนชีพและพระองค์ทรงรักเรา 
                                พระองค์อยู่ใกล้และอยู่เคียงข้างเรา ไม่มีอะไรสำคัญเท่าเรื่องนี้ เราถูกเรียกมาเพื่อประกาศข่าวเรื่องนี้ พระบัญญัติใหม่คือให้เรารักกัน ถ้าพระเจ้าทรงรักเรา เราก็ต้องรักกันและกันด้วย พระวรสารวันนี้ 
                                ทำให้เราเข้าใจว่าความรักคืออะไร เศรษฐีนั้นพบกับความทุกข์ของการตาบอดเพราะมองไม่เห็น เขาตาบอดเพราะใจของเขาบอด เขามองเห็นเฉพาะสิ่งที่ปรากฎภายนอกแต่ไม่เห็นการเป็นบุคคล มีลาซารัสมากมายในโลกทุกวันนี้ 
                                ชื่อ"ลาซารัส" แปลว่า พระเจ้าทรงช่วยเหลือ พระองค์ไม่ทรงลืมเขา แต่ต้อนรับเขาให้ร่วมงานเลี้ยงกับพระองค์ ในเรื่องอุปมานี้ มีการเอ่ยเพียงชื่อของลาซารัสเท่านั้น ไม่มีชื่อของบุคคลอื่น เราไม่ทราบชื่อของเศรษฐี 
                                ใครก็ตามที่มีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง ไม่สนใจคนอื่น เขาจะไม่มีชื่อ ปัจจุบันนี้ เราอยู่ในโลกของการที่ไม่สนใจกัน... พี่น้องครูคำสอนที่รัก ขอพระเจ้าประทานพระหรรษทานฟื้นฟูเราทุกวัน ให้รู้ถึงความยินดีของการประกาศว่า 
                                พระคริสตเจ้าทรงสิ้นพระชนม์และกลับคืนชีพ พระองค์ทรงรักเราแต่ละคน ขอพระเจ้าประทานความเข้มแข็งของการมีชีวิตประกาศบัญญัติใหม่แห่งความรัก ให้เราเอาชนะความตาบอดและความเศร้าใจฝ่ายโลก และให้เราไวต่อการช่วยเหลือคนยากจน"
 
 อนึ่ง ในบทภาวนาเพื่อมวลชนของมิสซาวันนี้ คริสตชนไทยได้รับเกียรติให้อ่านบทภาวนาเป็นภาษาไทย โดย ซ.อำพร ศิริคชลักษณ์ คณะภคินีแพร่ธรรมแห่งพระนางมารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมล (ซิสเตอร์แม่ปอน) เป็นผู้อ่าน นอกนั้น 
                                พระสังฆราช พระสงฆ์ไทย และตัวแทนครูคำสอนไทย 2 ท่านคือ คุณปาลิตา พลอยคีรี และคุณปริมจิต เยเบียง จากสังฆมณฑลเชียงใหม่ ได้เข้าเฝ้าใกล้ชิดกับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสในตอนท้ายมิสซาด้วย
 
 การไปร่วมฉลองยูบีลีของครูคำสอนโอกาสปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมนี้ ยังเป็นโอกาสที่ครูคำสอนไทยได้ไปแสวงบุญและผ่านประตูศักดิ์สิทธิ์ของมหาวิหารที่สำคัญของกรุงโรมด้วยคือ มหาวิหารนักบุญเปโตร มหาวิหารนักบุญเปาโลนอกกำแพง 
                                มหาวิหารนักบุญยอห์นแห่งลาเตลัน มหาวิหารแม่พระแห่งหิมะ รวมทั้งได้ไปชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในกรุงโรม อาทิเช่น น้ำพุเทรวี่ บันไดสเปน ฯลฯ
 
 นอกจากสถานที่สำคัญในโรมแล้ว ในระหว่างวันที่ 26-30 กันยายน  
                                ครูคำสอนไทยได้ไปแสวงบุญในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆและเยี่ยมชมสถานที่สำคัญนอกกรุงโรมด้วย เช่น สักการสถานนักบุญมารีอา กอแร็ตตี  ที่เมือง Nettuno, สักการสถานของนักบุญปีโอ 
                                ซึ่งเป็นนักบุญผู้มีรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า ที่เมือง San Giovanni Rotondo, สักการสถานแม่พระแห่งปอมเปอีและเมืองเก่าปอมเปอี อยู่ใกล้กับเมืองเนเปิลส์ (Naples) ทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี 
                                ซึ่งถูกทำลายและถูกฝังใต้เถ้าและหินภูเขาไฟวิสุเวียส, สักการสถานอัศจรรย์แห่งศีลมหาสนิทที่เมือง Lanciano และ วิลล่า ดิเอสเต้ ที่เมืองทิโวลี่ ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกของ UNESCO
 
 ครูคำสอนทุกคนประทับใจและได้รับประสบการณ์แห่งความเชื่อมากมายตลอดการไปแสวงบุญในครั้งนี้ ซึ่งช่วยเสริมสร้างให้มีกำลังใจในการทำหน้าที่ครูคำสอนอย่างดีต่อไป
 
 ขอขอบคุณพระสังฆราช พระสงฆ์ นักบวช ผู้อำนวยการศูนย์คำสอน 
                                ผู้บริหารโรงเรียน  คุณพ่อคลาวดิโอ  คอร์ตี  คณะปีเม  และทุกท่านที่มีส่วนในการสนับสนุนครูคำสอนในโอกาสนี้ด้วย
 
 
 
 |  |