สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงสถาปนาสมณสภาเพื่อส่งเสริมการพัฒนามนุษย์แบบองค์รวมขึ้นเมื่อเ ดือนสิงหาคม ค.ศ. 2016  โดยมอบหมายให้พระคาร์ดินัลปีเตอร์  เติร์กสัน เป็นประธาน

จึงเกิดการประชุมของคณะที่ปรึกษาสากลเกี่ยวกับความยุติธรรม การคอร์รัปชั่น องค์กรอาชญากรรม  และมาเฟีย (International Consultation Group for Justice, Corruption, Organized Crime and Mafia) เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 2017 ผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 50 คน จากหน่วยงานต่อต้านมาเ ฟีย  และต่อต้านการฉ้อราษฎร์บังหลวง (คอร์รัปชั่น) บรรดาพระสังฆราช  เจ้าหน้าที่วาติกัน  ผู้แทนจากองค์การสหประชาชาติ รัฐ  หัวหน้าองค์กร เหยื่อ และบรรดาทูต

ผลของการประชุมได้จัดพิมพ์เป็นหนังสือ
ภาวะกัดกร่อน : การปราบคอร์รัปชั่นในพระศาสนจักรและในสังคม (พิมพ์เมื่อ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 2017) มี 21 หัวข้อ  ซึ่งคาดหวังจะปฏิบัติในปีหน้า

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงตรัสไว้ว่า การฉ้อราษฎร์บังหลวงเป็น “แผลของสังคมที่ร้ายแรงที่สุด” เป็น “ความเลวร้าย” และเป็น “โรคมะเร็งของสังคม” พระองค์ยังตรัสต่อไปอีกว่า “ในขณะเดียวกัน ผลหายนะแห่งการฉ้อราษฎร์บังหลวงจะเผยให้เห็นเสมอถึงพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม  จนกระทั่งทำให้คุณความดีแห่งความสัมพันธ์มนุษย์ต้องล่มสลาย ซึ่งความสัมพันธ์กันนี้เป็นเสาหลักของสังคม  นั่น คือการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ซึ่งจะต้องได้รับการพัฒนา การคอร์รัปชั่นทำลายทุกสิ่งโดยเปลี่ยนความดีส่วนรวม  กลายเป็นผลประโยชน์ส่วนตัวและเป็นโรคติดต่อแพร่เชื้อไปอย่างกว้างขวาง  นี่เกิดจากใจ ที่ชั่วช้าและเป็นแผลของสังคมที่เลวร้ายที่สุด เพราะว่ามันก่อให้เกิดปัญหาและอาชญากรรมใหญ่ที่ครอบคลุมทุกคน”

ในเอกสารฉบับนี้กล่าวว่า “การพัฒนามนุษย์โดยอาศัยความร่วมมือของสภาพระสังฆราชและพระศาสนจักรท้องถิ่น เพื่อถอนรากถอนโคนพวกกล ุ่มแก๊งหรือองค์กรอาชญากรรมด้วยวิธีการที่เหมาะสม  แน่นอนนี่มิใช่เป็นเส้นทางที่โรยด้วยกุหลาบ พระศาสนจักรดำรงอยู่ในโลกต้องหาหน ทางที่จะเอาไปปฏิบัติและรับฟังจากพวกเขาเหล่านั้น  เพื่อการเสวนากับผู้ที่ไม่ใช่เป็นคริสตชน รวมถึงหนทางแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม  โปร่งใส  และมีประสิทธิภาพด้วย”

เป้าหมายเพื่อให้ผู้ที่มีอำนาจทางการเงิน  การเมือง  และผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณจะได้ต่อต้านกับการยั่วยวนให้เกิดคอร์รัปชั่น  ซึ่งสมเด็จพระสันต ะปาปาฟรังซิสได้กำหนดเป็นวัตถุประสงค์ในการสวดภาวนาสำหรับเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018

การคอร์รัปชั่นเป็นมากกว่ากิจการ  มันเป็นสภาพแวดล้อม  จึงจำเป็นต้องสร้างวัฒนธรรมใหม่  ให้การศึกษา การอบรม  กิจการของสถาบัน และการมีส่วนร่วมของประชาชน

เราจะไม่เพียงแต่ให้คำแนะนำเท่านั้น จำเป็นต้องมีสิ่งรูปธรรม  การให้การศึกษาอบรม  หมายความถึง บรรดาผู้อบรมต้องน่าเชื่อถือ แม้ภายในพระศาสนจักร

เราจะดำเนินงานด้วยความกล้าหาญ  เด็ดเดี่ยว  โปร่งใส มีจิตใจแห่งความร่วมมือ และความคิดสร้างสรรค์

ดังนั้นการปฏิบัติของเราจึงเป็นการให้การศึกษา ให้ข้อมูล  รวบรวมความคิดของสาธารณะและสถาบันต่างๆ เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งเสรีภาพและความยุติธรรม ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม

สรุปจาก CNA/EWTN News, 2 สิงหาคม 2017
และข้อแบ่งปันเพื่อการไตร่ตรองของมงซินญอร์วิษณุ ธัญญอนันต์