สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงเชิญบรรดาพระสังฆราชจากทั่วโลกมาร่วมกันไตร่ตรองเรื่องการประกาศข่าวดีใหม่ เพื่อถ่ายทอดความเชื่อคริสตชน  และปรารถนาประกาศให้ทราบ เพื่อประกาศข่าวดีและเป็นประจักษ์พยานในพระศาสนจักร  ในบริบทที่แตกต่างกัน

1.เหมือนหญิงชาวสะมาเรียที่บ่อน้ำ (ยน 4:5-42)  ให้เราพิจารณาพระวรสารตอนที่พระเยซูเจ้าพบหญิงชาวสะมาเรีย

ไม่มีใครในชีวิตที่จะไม่พบตนเป็นเหมือนหญิงชาวสะมาเรียข้างบ่อน้ำนี้  ด้วยความหวังที่จะให้ความปรารถนาลึกๆ สำเร็จ พบความหมายของชีวิต ทุกวันนี้บ่อน้ำทำให้มนุษย์กระหาย แต่เราต้องหลีกเลี่ยงน้ำเสีย เราต้องแสวงหาบ่อน้ำที่ไม่ทำให้เราผิดหวัง หรือนำสู่หายนะ

พระเยซูเสด็จไปที่บ่อน้ำ  พระศาสนจักรต้องสนใจผู้คนปัจจุบัน พาไปหาพระเยซูเจ้า  ผู้ทรงให้น้ำทรงชีวิต ใครพบพระเยซูเจ้า รับชีวิตใหม่ คนบาปได้กลับใจ เขาจะประกาศข่าวดีต่อไป

2.การประกาศข่าวดีใหม่
การนำชายหญิงสมัยปัจจุบันไปพบพระเยซูเจ้า  จำเป็นต้องสัมผัสทุกศาสนาในโลก เราต้องฟื้นฟูความเชื่อ ที่มีบริบทวัฒนธรรมซ่อนอยู่ในบุคคล  ในสังคม ให้เขาได้รับข่าวสารชัดเจนและบังเกิดผล

เราต้องกล้าเหมือนนักบุญเปาโล ที่กล่าวว่า  “หากข้าพเจ้าไม่ประกาศข่าวดี ข้าพเจ้าย่อมได้รับความวิบัติ”  (1 คร 9:16) ตลอดประวัติศาสตร์ตั้งแต่ศตวรรษแรกถึงสมัยปัจจุบัน  เรามีชุมชนคริสตชนทุกส่วนในโลก ทั้งเล็กและใหญ่  เป็นผลของความพยายามของมิสชันนารีและมรณสักขี สังคมและวัฒนธรรมเปลี่ยนแปลง ทำให้เราต้องสนใจสิ่งใหม่ เพื่อเจริญชีวิตความเชื่อในวิธีทางใหม่  และเพื่อประกาศข่าวดีดังที่บุญราศีสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2  บอกว่า    “กระตือรือร้นใหม่ วิธีการใหม่  และการแสดงออกแบบใหม่” (9 มีนาคม 1983) สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16 กล่าวในมิสซาเปิดสมัชชาที่กรุงโรม “ตระหนักถึงการประกาศข่าวดีเน้นผู้ที่ได้รับศีลล้างบาปแล้ว แต่ละทิ้งพระศาสนจักร และเจริญชีวิตห่างไกลจากชีวิตคริสตชน... ช่วยเขาให้กลับมาพบพระเจ้า... พบความเชื่อ  เพื่อนำความยินดีและความหวังส่วนตัว  ครอบครัว และชุมชน”  (7 ตุลาคม 2012)

3.การพบปะส่วนตัวกับพระเยซูคริสตเจ้าในพระศาสนจักร
ขอเชิญให้ท่านทุกคนรำพึงถึงพระพักตร์ของพระเยซูคริสตเจ้า ผู้ทรงสิ้นพระชนม์บนกางเขนทรงกลับคืนพระชนมชีพจากความตาย เผยแสดงความรักของพระบิดาต่อครอบครัวมนุษย์

พระศาสนจักรต้องสร้างชุมชนที่ต้อนรับคนยากจน ถูกทอดทิ้ง ให้พบบ้านและความรัก  “ดูซิ พวกเขารักกันและกัน”  (แตร์ตูเลี่ยน)  ความเชื่อต้องแสดงออกเป็นกิจการในพิธีกรรม  ในพิธีมิสซาวันอาทิตย์ ช่วยให้สัตบุรุษเข้าใจความหมายของพระวรสารทั้งในคำพูดและกิจการ

ขึ้นอยู่กับเราในปัจจุบัน ต้องให้ประสบการณ์ของพระศาสนจักรจับต้องได้  ทวีบ่อน้ำที่ชายหญิงผู้กระหายน้ำ ได้รับเชิญให้มาพบพระเยซูเจ้า ชุมชนคริสตชนและศิษย์ทุกคนต้องช่วยกันรับผิดชอบ  ต้องมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์

4.โอกาสพบปะพระเยซูเจ้าและฟังพระคัมภีร์
เรามาค้นหาวิธีที่พระเยซูเจ้าทรงใช้เข้าหาผู้คนและเรียกเขา...  ในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น
•พระเยซูเจ้าพบเปโตร  อันดรูว์  ยากอบ และยอห์น ในเรื่องงาน  กระแสเรียกอัครสาวกรุ่นแรก
(มธ 4:18-22)
•ศักเคียสสนใจพบพระเยซูเจ้า...  จนได้รับประทานอาหารกับพระองค์ (ลก 19:1-10)
•นายร้อยชาวโรมันขอให้พระองค์ทรงรักษาบุคคลที่เขารักมาก  (ลก 7:1-10)
•ชายตาบอดแต่กำเนิดเรียกพระองค์ให้ช่วยรักษา (ยน 9:1-40)
•มาร์ธาและมารีย์ต้อนรับพระองค์ที่บ้าน  (ลก 10:38-42)

หากเราพิจารณาพระวรสารเหล่านี้  และประสบการณ์ธรรมทูตของบรรดาอัครสาวกในสมัยแรก เราจะค้นพบวิธีการและสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่เขาเปิดใจรับพระคริสตเจ้า

การอ่านพระคัมภีร์บ่อยๆ ตีความอาศัยธรรมประเพณีของพระศาสนจักร  ไม่ใช่รู้สาระเนื้อหาพระวรสารเท่านั้น  แต่การอ่านพระคัมภีร์ต้องช่วยเราให้ค้นพบโอกาสพบปะกับพระเยซูเจ้า ในสภาพชีวิตครอบครัว 
การทำงาน มิตรภาพ  ความยากจน และการถูกทดลองในชีวิต ฯลฯ

5.ประกาศข่าวดีกับตนเอง และกลับใจ
เราไม่ควรคิดว่าการประกาศข่าวดีไม่เกี่ยวกับเรา  เราเองต้องกลับใจก่อน  พระศาสนจักรต้องรับ
พระวาจาก่อนจะไปประกาศให้คนอื่น ต้องกลับใจรับพลังของพระคริสตเจ้าผู้ทรงช่วยฟื้นฟูชีวิตจนๆ ให้เจริญขึ้น  เราต้องสุภาพยอมรับว่าเรายากจน อ่อนแอ เป็นคนบาป  เราจึงจะพบกำลังและมั่นใจว่าพระศาสนจักรมีชัยเหนือความชั่ว  พระเยซูตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ใจของท่านอย่าหวั่นไหว หรือมีความกลัวเลย” (ยน 14:27)

การประกาศข่าวดีใหม่  ต้องอาศัยแรงบันดาลใจและพละกำลังของพระจิตเจ้า  ผู้ทรงสอนเราว่าจะต้องพูดอะไร  ทำอะไร  แม้ในช่วงลำบากที่สุด  เราต้องเอาชนะความกลัวอาศัยความเชื่อ ชนะการดูถูกด้วยความหวัง  และชนะความเย็นเฉยอาศัยความรัก

6.การยึดโอกาสใหม่เพื่อการประกาศข่าวดีในโลกปัจจุบัน
เราต้องไม่กลัวสภาพแวดล้อมในปัจจุบันที่เราอาศัย โลกเต็มไปด้วยความขัดแย้งและการท้าทาย แต่ก็เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง  แม้โลกเต็มไปด้วยสิ่งชั่วร้าย  แต่พระเจ้ายังทรงรักโลก  เป็นสนามหว่านพระวาจาที่สามารถฟื้นฟูใหม่ให้บังเกิดผลได้อีกครั้ง

เราต้องมองด้านบวก  เพราะพระเยซูเจ้าทรงชนะความตาย และพระจิตยังทำงานด้วยพลานุภาพในประวัติศาสตร์ เราต้องสุภาพแต่ตั้งใจมั่นคง  ความจริงจะมีชัยในวาระสุดท้าย พระเจ้าทรงเชิญให้เราเป็นประจักษ์พยานถึงพระนามของพระองค์  พระศาสนจักรมีชีวิตและเผชิญสิ่งท้าทายด้วยความเชื่อกล้าหาญ

เรารู้ว่า  “เรามิได้ต่อสู้กับพลังมนุษย์  แต่ต่อสู้กับเทพนิกรเจ้า เทพนิกรอำนาจ ต่อสู้กับผู้ปกครองพิภพแห่งความมืดมน  ต่อสู้กับบรรดาจิตแห่งความชั่วร้าย”  (อฟ 6:12)  เรารู้ว่ามีปัญหาท้าทาย  แต่ก็ไม่ต้องตกใจกลัว  ปรากฎการณ์ของโลกาภิวัตน์  ต้องเป็นโอกาสให้เราประกาศพระวรสาร  แม้จะมีความทุกข์มาก ให้เราต้อนรับผู้อพยพฉันพี่น้อง

ปัญหาวิกฤติความเชื่อ การเมือง ความยากจน  การไม่สนใจพระเจ้ารูปแบบใหม่ ย่อมเปิดโอกาสใหม่ให้บริการด้วยเมตตาจิต ในการเผชิญปัญหาที่ส่งผลต่อความเชื่อและพระศาสนจักร เราต้องไว้วางใจในพระเจ้า ในพระเมตตาของพระองค์

7.การประกาศพระวรสาร ครอบครัวและชีวิตผู้รับเจิม
ครอบครัวเป็นสถานที่แรกแห่งการประกาศข่าวดี  บทบาทของพ่อแม่ดูแลลูก สอนคำสอน สอนการภาวนา  ดำเนินชีวิตแห่งความรัก  การประกาศพระวรสารใหม่ ต้องเน้นครอบครัว สนับสนุนให้มีการอบรม

ปัจจุบัน เราตระหนักว่ามีปัญหาครอบครัวล้มเหลว  ไม่สามารถอบรมลูกด้านความเชื่อ ขอให้เราสนใจสมาชิกเหล่านี้ รักเขา แม้เขาจะไม่สามารถรับศีลอภัยบาปและศีลมหาสนิท  ขอให้ชุมชนคริสตชนต้อนรับสนับสนุน

ชีวิตผู้รับเจิม ปฏิบัติความยากจน พรหมจรรย์  และความนบนอบ  เราขอให้ดำเนินชีวิต ส่งเสริมการประกาศข่าวดีใหม่ด้วยพระพรพิเศษของคณะ

8.ชุมชนพระศาสนจักร ผู้ประกาศข่าวดี
ทุกคนในพระศาสนจักรมีหน้าที่ประกาศข่าวดี  ให้พบปะกับพระเยซูเจ้า โดยอาศัยพระวาจา  ศีลศักดิ์สิทธิ์ ความสัมพันธ์ฉันพี่น้อง งานสงเคราะห์และพันธกิจแพร่ธรรม

เน้นบทบาทวัด สร้าง SCC  และสนใจความศรัทธาชาวบ้าน  (Popular  Piety)

ในเขตวัด ศาสนบริกรของพระสงฆ์  เป็นพ่อและผู้อภิบาล ยังคงสำคัญ เราขอบคุณที่บรรดาคุณพ่อทำงานหนักและยากลำบาก  ขอให้สามัคคีกัน  มีชีวิตจิตลึกซึ้ง ให้มีการอบรมต่อเนื่องเพื่อสามารถเผชิญการเปลี่ยนแปลง

ส่งเสริมฆราวาส กิจการฆราวาสแพร่ธรรมต่างๆ ในการประกาศข่าวดีใหม่

9.เยาวชนพบปะพระคริสตเจ้า
เรารักเยาวชน เพราะเป็นส่วนหนึ่งของมนุษยชาติ ของพระศาสนจักรปัจจุบันและเป็นอนาคต เราต้องไม่มองแง่ลบ เราต้องสนใจเยาวชน  เพราะเยาวชนถูกโจมตีมากที่สุด เยาวชนปรารถนาความจริง  สัจธรรม อิสรภาพ  ความใจดี  เรามั่นใจว่า  พวกเขาต้อนรับพระคริสตเจ้า เราต้องช่วยเหลือสนับสนุนเยาวชน  ขอให้ชุมชนฟังเยาวชน สนทนากับเขาและกล้าตอบ  โดยไม่รีรอต่อเงื่อนไขลำบากของเยาวชน ขอให้ชุมชนต่อสู้ความหลงผิด  และอำนาจโลกที่เห็นแก่ตัว  เพื่อความก้าวหน้าของพวกเขา

โลกของเยาวชนเรียกร้อง  และต้องการการประกาศข่าวดีใหม่ จากประสบการณ์มากมาย  เช่น  งานชุมนุมเยาวชนโลก  เราเห็นประสบการณ์ชีวิตจิต มีพลัง งานบริการและพันธกิจ  เราต้องตระหนักถึงบทบาทกระตือรือร้นของเยาวชนในการประกาศข่าวดีก่อนใดหมด

10.การเสวนากับศาสนาอื่นๆ
•การประกาศข่าวดีใหม่ ต้องการฟื้นฟูระหว่างความเชื่อและเหตุผล
•สนใจสื่อสารมวลชน  เป็นที่อบรมมโนธรรม  ให้สัมผัสใจมนุษย์
•ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
-ศิลปะ ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน  ส่งเสริมชีวิตจิตได้ บรรลุความงาม และใช้ประกาศข่าวดีใหม่
-การทำงาน  การว่างงาน

11.คำสอนจากสภาสังคายนาวาติกันที่ 2 และหนังสือคำสอนพระศาสนจักรในปีแห่งความเชื่อ
ในหนทางสู่การประกาศพระวรสารใหม่  เราอาจรู้สึกราวกับว่าเราอยู่ในถิ่นทุรกันดาร ท่ามกลางอันตรายและขาดจุดอ้างอิง  สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงให้กำลังใจเราให้ค้นพบความปิติยินดีแห่งการเชื่อ  เหมือนดังหญิงชาวสะมาเรีย  เราแสวงหาน้ำและบ่อน้ำ ผู้ที่พบปะพระคริสตเจ้าที่นี่ย่อมเป็นสุข
ขอบคุณสมเด็จพระสันตะปาปาสำหรับพระพรปีแห่งความเชื่อ ระลึกถึง 50 ปี การเปิดประชุมสภาสังคายนาวาติกันที่ 2 และ 20 ปี ของหนังสือคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก  ที่มีจุดอ้างอิงเรื่องความเชื่อ 
ช่วยให้เราใกล้ชิดคำสอนของสภาฯ  และอุทิศตนนำคำสอนเหล่านี้ไปปฏิบัติ

12.อยู่ข้างคนจน
“ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา”  (มธ 25:40)
ท่าทีของความรักเมตตา ต้องมีความยุติธรรม สนใจทั้งคนจนคนรวย  ใช้คำสอนด้านสังคมของ
พระศาสนจักรในการประกาศข่าวดีใหม่ อบรมคริสตชนให้อุทิศตนเพื่อชุมชนและสนใจการเมือง

13.ต่อพระศาสนจักรในเขตต่างๆ ของโลก
เรามีความรักกันฉันพี่น้อง  บางแห่งถูกเบียดเบียน  ขอให้มีความเชื่อมั่นคง  มีสันติ มีเสรีภาพในการนับถือศาสนา  เป็นพิเศษในทวีปอาฟริกามีความลำบาก  ขอเป็นกำลังใจกับพระสงฆ์และครูคำสอน

พระศาสนจักรในเอเชีย  แม้จะเป็นกลุ่มน้อย  มีวัฒนธรรมหลากหลาย  หลายแห่งถูดเบียดเบียน
เราไม่ลืมว่าเอเชียเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่พระเยซูบังเกิด  เจริญชีวิต  สิ้นพระชนม์ และกลับคืนชีพ

14.พระนางมารีย์  ดาราแห่งถิ่นทุรกันดาร
เราขอสรรเสริญพระเจ้าสำหรับสิ่งดีมากมายที่พระเจ้าทรงกระทำเพื่อพระศาสนจักร ขอพระแม่ช่วยเราในการประกาศข่าวดีใหม่ด้วย

พระสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์  วีระ  อาภรณ์รัตน์ สรุป
จาก Message to the People of God From the XIII Ordinary General
Assembly of the Synod of Bishops
 

คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรม แผนกคริสตศาสนธรรม
อาคารเลขที่ 122/11 ซ.นนทรี 14 (ซ.นาคสุวรรณ)  ถ.นนทรี  ยานนาวา  กรุงเทพฯ 10120